ปักหมุด! POP MART เนรมิตสยามพารากอน เป็น ‘POP LAND’

ปักหมุด! POP MART เนรมิตสยามฯ เป็น ‘POP LAND’ แลนด์มาร์กใหม่ใจกลางกรุง ชวนสายอาร์ตทอยเช็กอิน 5 โซนสุดคิวต์

TravelEatDrinkReview – สิ้นสุดการรอคอยสำหรับแฟน ๆ อาร์ตทอย! POP MART THAILAND จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สยามพารากอน เปิดตัวปรากฏการณ์ความสุขส่งท้ายปีกับงาน “POP LAND EXCLUSIVE FESTIVE EVENT IN THAILAND” เนรมิตพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ กว่า 1,000 ตร.ม. ครอบคลุมสยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์ ให้กลายเป็นดินแดนแห่งจินตนาการ หรือ “POP Destination” แห่งใหม่ของโลก พร้อมให้ทุกคนไปเช็กอินถ่ายรูปและสัมผัสความน่ารักแล้ว
งานนี้ถือเป็น Outdoor Pop-Up Event ที่ใหญ่ที่สุดของ POP LAND โดยนำคอนเซปต์ที่เริ่มต้นจากกรุงปักกิ่งมาสู่เมืองไทยเป็นครั้งแรก โดยมีไฮไลต์เด็ดคือการปรากฏตัวครั้งแรกในไทยของคาแรกเตอร์ขนฟูสีชมพู “MOKOKO” ที่สื่อถึงความอบอุ่นและความสุข

พาส่อง 5 โซนไฮไลต์ ที่ต้องไปถ่ายรูป!

  • ภายในงานแบ่งออกเป็น 5 โซนหลักที่ออกแบบมาเพื่อสายคอนเทนต์และนักสะสมโดยเฉพาะ:
    POP LAND CASCADE: เปิดโลกแห่งความฝันด้วยอุโมงค์ที่ตกแต่งด้วยเหล่าคาแรกเตอร์ดังจาก POP MART ทอดยาวตั้งแต่ชั้น G สยามพารากอน สู่พาร์คพารากอน
  • POP LAND CHRISTMAS TREE: พบกับต้นคริสต์มาสจาก POP MART ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ประดับประดาด้วยคาแรกเตอร์ขวัญใจแฟน ๆ
  • POP LAND CASTLE: ปราสาทป๊อปแลนด์สุดอลังการ ที่รวบรวม Big Figure คาแรกเตอร์สุดฮิต ทั้ง MOLLY, SKULLPANDA, HIRONO และไฮไลต์อย่าง MOKOKO Big Figure สูงกว่า 5 เมตร
  • POPSICLE: โซนร้านไอศกรีมที่เสิร์ฟเมนูสุดพิเศษเฉพาะประเทศไทย! ห้ามพลาด ไอศกรีม TWINKLE TWINKLE TWIN MANGO YUZU (รสมะม่วงยูสุ) ที่หอมสดชื่น และ ไอศกรีม SKULLPANDA รส Double Chocolate และ รส Cheesecake เข้มข้น
  • POP SLIDE: Finding MOKOKO: เอาใจสายคิวต์ที่สยามเซ็นเตอร์ กับบ่อลูกบอลสีชมพูขนาดใหญ่ ให้ทุกคนได้ร่วมค้นหาความลับของ MOKOKO พร้อมมุมถ่ายรูปสุดน่ารัก

Exclusive Items และกิจกรรมทำบุญ

แน่นอนว่ามางาน POP MART ทั้งที ต้องมีของลิมิเต็ด โดยงานนี้มีคอลเลกชันพิเศษมาให้แฟน ๆ ได้สะสม ทั้ง MOKOKO Sweetheart Series, Spring Flower Series และไอเท็มหายากที่เคย Sold Out มาแล้ว

นอกจากความสนุกแล้ว ยังชวน “คนป๊อป” มาร่วมทำบุญกับโครงการ POP DONATION ร่วมกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เพียงบริจาคเงินสมทบทุนสร้างอาคารภาคบริการโลหิตแห่งชาติ ณ จังหวัดลพบุรี ผ่านระบบ e-Donation (ขั้นต่ำ 100 บาท ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า) ก็มีสิทธิ์รับกล่องสุ่มสุดพิเศษจาก POP MART ไปเลย (1 กล่อง ต่อการบริจาค, ของมีจำนวนจำกัด)

ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวถ่ายรูปสวย ๆ รับเทศกาลปลายปี ห้ามพลาด! ไปสัมผัสความสุขแบบเต็มขั้นในดินแดน POP LAND ได้ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 – 11 มกราคม 2569 ณ พาร์คพารากอน, สยามพารากอน และสยามเซ็นเตอร์

5 เรื่องน่ารู้ก่อนเปิด ‘เซ็นทรัล กระบี่’ 24 ตุลาคมนี้

5 เรื่องน่ารู้ก่อนเปิด ‘เซ็นทรัล กระบี่’ 24 ตุลาคมนี้ – แลนด์มาร์กใหม่ของอันดามัน ที่เติบโตไปพร้อมกับเมืองต้นแบบการท่องเที่ยวยั่งยืนของไทย

กระบี่ – เตรียมนับถอยหลังสู่วันเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของ “เซ็นทรัล กระบี่” ศูนย์การค้าต้นแบบแห่งแรกเพื่อความยั่งยืนของไทย จากเซ็นทรัลพัฒนา ที่ออกแบบจากความต้องการของคนกระบี่ สู่พื้นที่ใช้ชีวิตแห่งใหม่ที่ผสานธรรมชาติ ดีไซน์ และวิถีท้องถิ่นไว้อย่างลงตัว

5 เรื่องน่ารู้ก่อนเปิด เซ็นทรัล กระบี่

  1. Krabi – The City of Sustainable Tourism กระบี่คือหนึ่งในเมืองที่งดงามและสมดุลที่สุดของประเทศไทย ธรรมชาติ วัฒนธรรม และผู้คน อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน จนได้รับการยกให้เป็น “เมืองต้นแบบของการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism)” เซ็นทรัล กระบี่ จึงถูกพัฒนาให้เป็น ศูนย์การค้าต้นแบบแห่งแรกของไทย ที่เติบโต “ไปพร้อมกับเมืองกระบี่” ด้วยแนวคิด Regenerative Design ที่ให้ธรรมชาติและธุรกิจอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล สถาปัตยกรรมของศูนย์ฯ ได้แรงบันดาลใจจาก หมู่เกาะกลางอันดามัน, สวนปาล์ม และเรือหัวโทง ใช้พื้นที่เปิดโล่งแบบ Semi-Outdoor เพื่อลดพลังงาน พร้อมระบบโซลาร์เซลล์กว่า 14,400 ตร.ม. กำลังผลิต 3.2 เมกะวัตต์ ถือเป็นศูนย์การค้าที่ใช้พลังงานสะอาดมากที่สุดในกลุ่มเซ็นทรัล และมุ่งสู่การรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว EDGE Zero Carbon Certification ความยั่งยืนของที่นี่ไม่หยุดอยู่แค่ตัวอาคาร แต่ขยายสู่เมือง ผ่านโครงการ “Green Road” ถนนรักษ์โลก ความร่วมมือระหว่างเทศบาลเมืองกระบี่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และพันธมิตร ที่นำวัสดุเหลือใช้อย่างพลาสติก Biochar และหินฝุ่น มาพัฒนาเป็นถนนคาร์บอนต่ำยาวเกือบ 500 เมตร นี่คือการเชื่อมโยงแนวคิดความยั่งยืนจากศูนย์การค้าไปสู่ชุมชน พิสูจน์ว่า “การพัฒนาเมือง” และ “การดูแลโลก” สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้จริง
  2. Made by Krabi – คิดและทำจากหัวใจของคนกระบี่ เพราะความยั่งยืนที่แท้จริง ต้องเริ่มจากรากของผู้คนในเมืองนั้น ทุกดีเทลของ เซ็นทรัล กระบี่ ถูกสร้างขึ้นแรงบันดาลใจของท้องถิ่น ตั้งแต่โลโก้ที่ออกแบบให้ภูเขาเชื่อมกับคลื่นทะเล ไปจนถึงสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสวนปาล์ม เรือหัวโทง และแหอวน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Made by Krabi” – ศูนย์การค้าแห่งนี้จึงเป็นสิ่งที่ “เกิดขึ้นจากกระบี่จริง ๆ” ตั้งแต่ Andaman Market ที่ถ่ายทอดเส้นสายเรือหัวโทง, Hug Craft ที่รวมงานคราฟต์จากดีไซเนอร์ทั่วไทย ทั้งหมดนี้คือตัวตนของเมืองที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้การออกแบบร่วมสมัย
  3. The Living Room of Krabi – ห้องรับแขกของเมือง พื้นที่แห่งการพบปะและชีวิต ที่รวมกว่า 300 แบรนด์ ไว้ในที่เดียว เซ็นทรัล กระบี่ ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าศูนย์การค้า แต่คือ “ศูนย์กลางชีวิตเมือง” ที่ทุกคนในชุมชนมีส่วนร่วม ครบทุกไลฟ์สไตล์ เช่น Tops, Power Buy, Supersports, B2S, Auto1 และร้านอาหารชื่อดังอย่าง BONCHON, Fuji, Salad Factory, Pepper Lunch, ก๋วยเตี๋ยวเรือพระนคร และอีกมากมาย รวมถึงร้านอาหารฮาลาลที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้บริโภค แลนด์มาร์กใหม่อย่าง บันไดวนชมวิว ที่มองเห็นเทือกเขาพนมเบญจาแบบพาโนรามิก พร้อมไฮไลต์ตอบโจทย์สายสปอร์ตอย่าง Jetts Fitness 24 ชั่วโมง, HarborLand แห่งแรกของภาคใต้, และ Starbucks วิวสวยที่สุดในอันดามัน
  4. When Sustainability Meets Creativity เพราะความยั่งยืนต้องมีชีวิต ต้องมีสีสัน และต้องร่วมสมัย เซ็นทรัล กระบี่ ยกระดับแนวคิดความยั่งยืนให้จับต้องได้และสนุกขึ้น ผ่านศิลปะและคาแรกเตอร์ที่คนกระบี่ภาคภูมิใจ พบกับ “น้องปูอันดา” มาสคอตแห่งความสุขของเมือง และ “Krabi Man” มนุษย์โบราณแห่งอันดามันในเวอร์ชันร่วมสมัย ออกแบบร่วมกับคนกระบี่กว่า 11 ชุมชน เช่น ช่างผ้าบาติก กลุ่มแม่บ้านวัยเกษียณ ศิลปินรุ่นใหม่ และวงษ์พาณิชย์ กระบี่ ดีไซน์ออกมาเป็น 4 สไตล์แฟชั่นสะท้อนอัตลักษณ์ของเมือง จาก “Krabi Beach Vibe” ไปจนถึง “Krabi Sustainable Man” ทั้งหมดนี้คือการแสดงพลังของความคิดสร้างสรรค์และความยั่งยืน ที่เติบโตไปพร้อมกัน
  5. Celebrate the Opening – Made by Krabi Grand Opening ฉลองเปิดศูนย์การค้าสุดยิ่งใหญ่ 72 วันต่อเนื่อง ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษที่สะท้อนหัวใจแห่งความยั่งยืนของเมือง เตรียมพบ เต้ย–จรินทร์พร ในวันเปิดศูนย์การค้า พร้อมด้วยศิลปินสุดฮอตแห่งยุคได้แก่ บิวกิ้น–พุฒิพงศ์, แอลลี่–อชิรญา, นท-พนายางกูร, และ DJ Gres ที่จะมาร่วมสร้างสีสันในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองของเมือง พร้อมกิจกรรม Burana Workshop by นท-พนายางกูร เวิร์กช็อปออกแบบเครื่องประดับจากวัสดุรีไซเคิล ถ่ายทอดแนวคิด “Sustainability with Style” เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นบทใหม่ของเมืองยั่งยืน “Made by Krabi” อย่างแท้จริง

เซ็นทรัล กระบี่ คืออีกก้าวสำคัญของ เซ็นทรัล พัฒนา ในการยกระดับเมืองท่องเที่ยวไทยสู่ Sustainable Future City สะท้อนวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เชื่อมโยงผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกัน เพื่อให้ “ความสุขของเมือง” เติบโตอย่างมั่นคง และเป็นแรงบันดาลใจให้เมืองอื่นทั่วประเทศ เตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันที่ 24 ตุลาคม 2568      

ติดตามความเคลื่อนไหวของเซ็นทรัล กระบี่ คลิก https://www.facebook.com/Centralkrabi/?locale=th_TH

ติดตามความเคลื่อนไหวของเซ็นทรัลพัฒนา คลิก https://www.centralpattana.co.th

ร้านอาหารคำหอม เปิดตัวเมนู À La Carte ใหม่ โดยเชฟเอียน กิตติชัย

เชฟเอียน กิตติชัย เปิดตัวเมนู À La Carte ใหม่ เผยสเน่ห์อาหารไทยหารับประทานยาก ณ ร้านอาหารคำหอม ด้วยสูตรต้นตำรับและวัตถุดิบท้องถิ่น จากสี่ภูมิภาคของไทย

ร้านอาหารคำหอม โดยเชฟเอียน กิตติชัย นำเสนอเมนูใหม่ส่งท้ายปี 2568 โดยเน้นไปที่อาหารท้องถิ่นไทยที่หารับประทานได้ยาก ด้วยขั้นตอนการเตรียมและการปรุงที่เชฟเอียนและทีมเชฟของคำหอมทุ่มเทเวลาและความปราณีต นำอาหารขึ้นชื่อและวัตถุดิบชั้นดีจากหลายจังหวัดที่หารับประทานได้ยากมาสู่สายตานักชิมผู้มีรสนิยมในเมืองกรุงฯ อีกครั้ง พร้อมให้ได้ลิ้มชิมรสได้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมเป็นต้นไป ทั้งมื้อกลางวันและมื้อค่ำ

ในครั้งนี้ เชฟเอียน กิตติชัย เลือกเมนูอาหารที่ถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำจนแทบจะสูญหายไป หรือเป็นอาหารที่ทำกันในงานประเพณีท้องถิ่นเท่านั้น ทั้งยังได้เน้นย้ำการใช้วัตถุดิบพิเศษของแต่ละพื้นที่ อาทิ

ยำหนังหมูหอยเชลล์ เชฟนำวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างหนังหมูมายำกับเครื่องปรุงรสจัดจ้าน เพิ่มมิติด้วยหอยเชลล์ที่ให้สัมผัสนุ่มละมุนตัดกับความกรุบกรอบของหนังหมูและปลากรอบ

 

 

แกงระแวงเนื้อซี่โครงตุ๋น แกงไทยโบราณในสมัยรัชกาลที่ 5 ดัดแปลงมาจากแกงเนื้อน้ำขลุกขลิกหอมเครื่องเทศของชวา

แกงจืดเงาะยัดไส้ รสชาติกลมกล่อมที่ใช้เนื้อเงาะจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี

แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำปลาฟู ดัดแปลงมาจากอาหารใต้อย่างยำไตปลา นำกุ้งแม่น้ำตาปีจากสุราษฎร์ธานีมาย่าง เพิ่มเนื้อสัมผัสโดยใส่ปลากะพงสองน้ำฟูจากสงขลา

เนื้อกะทิต้มเค็ม เนื้อแดดเดียวต้มกับกะทิสดอัมพวาจนรสชาตินุ่มละมุน ได้ความเข้มข้นของเนื้อแดดเดียว

สะท้อนภูมิปัญญาอาหารที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นความมุ่งมั่นของเชฟในการอนุรักษ์มรดกทางอาหารอันหลากหลายของประเทศไทย และนำมายกระดับด้วยเทคนิคการปรุงอาหารร่วมสมัยอันประณีต

เมนูใหม่นี้ ยังนำเสนอขนมโบราณในความทรงจำอย่าง

ขนมสี่ถ้วย ขนมมงคลที่ทำขึ้นเฉพาะในพิธีแต่งงานเพื่ออวยพรให้บ่าวสาวรักกันยืนยาว

ข้าวเม่าไอศกรีมกล้วยไข่ ใช้ข้าวอ่อนที่คั่วจนหอม ใส่ไส้ด้วยกล้วยไข่ ทอดจนกรอบนอกนุ่มใน ทานคู่กับ ‘ไอติมกล้วยตาก’ ของดีขึ้นชื่อจากโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย

ขนมโคใส่ไส้ไอศกรีม สอดไส้ไอศกรีมมะม่วงมหาชนกจากโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัยเพิ่มความสดชื่นหอมหวาน

“เราตั้งใจให้สะท้องถึงความมุ่งมั่นของคำหอมที่ต้องการยกระดับอาหารพื้นบ้านของไทยให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ให้เห็นถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมการกินอยู่ของคนไทย ด้วยการนำสูตรดั้งเดิมที่ทำให้จานนั้นๆ โดดเด่น มาใส่ลูกเล่นความคิดสร้างสรรค์” เชฟเอียนกล่าว “เมนูใหม่ของเราคราวนี้เน้นอาหารที่บอกเล่าเรื่องราวของแต่ละท้องถิ่นผ่านทางรสชาติ บางสูตรเกือบจะถูกลืมไปแล้ว ซึ่งเราอยากเก็บรักษาไว้ แล้วส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จัก”

เมนูใหม่ของร้านอาหารคำหอมโดยเชฟเอียน กิตติชัย พร้อมให้ได้ลองลิ้มชิมรสได้ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

สมาชิก ALL Accor + Explorer รับส่วนลดค่าอาหาร 30% สูงสุดถึง 10 ท่าน สอบถามเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง โทร 02 666 3311.

ร้านอาหารคำหอม ตั้งอยู่ ณ ชั้นล็อบบี้ โรงแรมเมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพ

เลขที่ 2 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ 10330

โทร 02 666 3333 | www.khumhomrestaurant.com

เปิดให้บริการทุกวัน

มื้อกลางวัน 12:00 – 15:00 น. | มื้อค่ำ 17:30 – 22:30 น.

 

ไอคอนสยาม ชวนฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ คัดสรรขนมรสเลิศจากแบรนด์ดังทั่วไทย

ไอคอนสยาม ชวนฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ คัดสรรขนมรสเลิศจากแบรนด์ดังทั่วไทย

TravelEatDrinkReview – ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร่วมสืบสานเทศการแห่งความสุขและความเป็นสิริมงคล ชวนทุกท่านเลือกซื้อขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศจากหลากหลายแบรนด์ดังที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมแพ็กเกจจิ้งสุดหรู เหมาะสำหรับเป็นของขวัญแด่คนพิเศษ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 7 ตุลาคม 2568

เพื่อต้อนรับเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่จะมาถึงในวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ไอคอนสยาม ร่วมกับ ห้างสรรพสินค้าสยาม ทาคาชิมายะ และเมืองสุขสยาม ได้รวบรวมขนมไหว้พระจันทร์จากร้านอาหารชื่อดัง โรงแรมชั้นนำ และร้านเด่นทั่วไทย มาให้เลือกลิ้มลองอย่างครบครันในที่เดียว มอบความสุขและความอบอุ่นให้ทุกคนในครอบครัวได้เฉลิมฉลองช่วงเวลาพิเศษร่วมกัน

ลิ้มรสขนมไหว้พระจันทร์ระดับพรีเมียมจากแบรนด์ดังในไอคอนสยาม

  • Hong Bao (ชั้น 6): สัมผัสความนุ่มหนึบของขนมไหว้พระจันทร์แป้งหิมะ ทำสดใหม่ ปราศจากสารกันเสีย กับ 4 รสชาติสุดพิเศษ ได้แก่ มันม่วงพิสตาชิโอ, คัสตาร์ดส้มแมนดารินช็อกโกแลต, เกาลัดเฮเซลนัท และเมล็ดบัวงาดำแมคคาเดเมีย
  • สตาร์บัคส์ (ชั้น 1 และ 7): พบกับขนมไหว้พระจันทร์รสชาติคลาสสิกยอดนิยมใน Premium Set พร้อมกระเป๋าสุดเก๋ มีให้เลือกทั้งไส้กาแฟสตาร์บัคส์และไข่, ทุเรียนหมอนทองและไข่, ชาเขียวสตาร์บัคส์และถั่วแดง และช็อกโกแล็ตมิ้นท์
  • TWG Tea (ชั้น G): แบรนด์ชาสุดหรูนำเสนอขนมไหว้พระจันทร์ 6 รสชาติใหม่ที่ผสมผสานชารสเลิศไว้อย่างลงตัว บรรจุในแพ็กเกจสวยงามธีม “Red Jasmine Tea Collection”
  • Kyo Roll En (ซื้อได้ที่ Jerome Cheesecake ชั้น G): ปีนี้พบกับความพิเศษกับการคอลแลปส์กับ 3 เชฟมิชลินสตาร์จากสิงคโปร์ใน 4 รสชาติ Kaya Toast, มันหวานญี่ปุ่น-ชาอู่หลง, เผือกกวนแปะก๊วย (Orh Nee) และรสยอดนิยมอย่าง Yuzu Lava นอกจากนี้ยังมีสูตรกวางตุ้งไส้ลาวาเยิ้มๆ ทั้งคัสตาร์ดไข่เค็ม, ทุเรียนหมอนทอง, ชีสอัลมอนด์ (Cookie Crust) และพิสตาชิโอลาวา ที่ให้รสสัมผัสคล้าย “ช็อกโกแลตดูไบ”

ยกทัพความอร่อยจากโรงแรมและร้านเด็ด ณ สยาม ทาคาชิมายะ และเมืองสุขสยาม

SIAM Takashimaya Moon Cake Festival 2025 (13 ก.ย. – 7 ต.ค. 68, ชั้น G)

  • โรงแรมเพนนินซูลา กรุงเทพฯ: ขนมไหว้พระจันทร์ไส้คัสตาร์ดไข่แดงในตำนานที่ทุกคนรอคอย
  • โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ: ขนมไหว้พระจันทร์แฮนด์เมดในกล่องหนังวีแกนสีแดงมงคลลายดอกโบตั๋น
  • โรงแรมดุสิตธานี: นำเสนอ Heritage Bloom Collection ขนมไหว้พระจันทร์รสเลิศที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
  • โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อกฯ: มาพร้อมกล่องดีไซน์หีบสมบัติที่ได้แรงบันดาลใจจากดอกพิกุลทอง
  • MX Cakes & Bakery: การันตีความอร่อยระดับโลกกับ Lava Custard Mooncake ไส้ลาวาเยิ้มๆ
  • Bakery Hut: พบกับไส้ขนมไหว้พระจันทร์ให้เลือกมากที่สุดในไทยกว่า 100 ไส้ อาทิ ไส้เมี่ยงคำ และแบล็คทรัฟเฟิลแมคคาเดเมีย
  • ร้านกอกใจ: ชุด “ทรัพย์อนันต์” รวมไส้สุดคลาสสิกไว้ครบครันในราคาสุดคุ้ม

งาน “สุขสยาม เปี๊ยะไหว้จันทร์” (25 ก.ย. – 6 ต.ค. 68, เมืองสุขสยาม)

  • ภัตตาคารเชียงการีล่า: ขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายชุดมงคล อาทิ ชุดมังกรทองให้โชค, ชุดคัสตาร์ดชาววัง พร้อมไส้ให้เลือกมากมาย
  • Tempao Mooncake: ขนมไหว้พระจันทร์รูปแบบใหม่แป้งเพสตรี้กรอบ สอดไส้คัสตาร์ดลาวารสชาติต่างๆ
  • S&P: นำเสนอ S&P MOON PALACE COLLECTION ขนมไหว้พระจันทร์สูตรต้นตำรับกว่า 30 ปี ในบรรจุภัณฑ์สไตล์เครื่องเคลือบพอร์ซเลนสุดหรู พร้อม 16 รสชาติยอดนิยม

ร่วมเติมเต็มความสุข ความอบอุ่น และความเป็นสิริมงคลในเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ ด้วยขนมไหว้พระจันทร์แสนอร่อยหลากหลายรสชาติที่ไอคอนสยาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและติดตามข่าวสารได้ทางเฟซบุ๊ก ICONSIAM

เปิดวาร์ป! สวนลอยฟ้าใหม่ใจกลางกรุง ‘สวนดุสิตอรุณ’ แลนด์มาร์คต้องรีบไปเช็คอิน!

เปิดวาร์ป! สวนลอยฟ้าใหม่ใจกลางกรุง ‘สวนดุสิตอรุณ’ แลนด์มาร์คต้องรีบไปเช็คอิน!

TravelEatDrinkReview – กรุงเทพฯ มีที่ฮีลใจใหม่แล้วนะรู้ยัง! บอกเลยว่างานนี้ชาวคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต้องตาลุกวาว!  กับแลนด์มาร์คใหม่สุดปึ้ง “สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” สวนลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย! บนพื้นที่กว่า 7 ไร่ ใจกลางเมืองแบบตะโกน! ลืมภาพสวนแบบเดิมๆ ไปได้เลย เพราะที่นี่คือพื้นที่สีเขียวสุดชิคที่เชื่อมต่อวิวสวนลุมพินีแบบไร้รอยต่อ ให้ฟีลเหมือนวาร์ปไปอยู่กลางหุบเขาเขียวๆ แต่จริงๆ คือแค่สีลม-พระราม 4 นี่เอง!

เตรียมกล้อง ชาร์จแบตให้เต็ม แล้วตามมาส่อง 8 จุดไฮไลท์ที่ต้องไปแชะภาพลงโซเชียล!

1. อัฒจันทร์ดุสิตพินี (Dusitpini Amphitheatre)  โซนนั่งชิลล์ Vibes ดีเวอร์! จะมานั่งพักเหนื่อยเฉยๆ, นัดตี้กับแก๊งเพื่อน, หรือมาดูมินิคอนเสิร์ต ดนตรีในสวนก็เริ่ด! มุมนี้คือได้รูปฟีลเกาหลีเกาใจ กับวิวสวนเขียวๆ และตึกสวยๆ เป็นแบ็คกราวด์

2. จุดชมวิวระเบียงรังนก (Bird Nest Viewpoint)  มุมมหาชนที่ห้ามพลาด! ยืนตรงนี้จะได้ภาพพาโนรามาที่สวนดุสิตอรุณเชื่อมกับสวนลุมพินีแบบจึ้งๆ เหมือนผืนป่าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง จะถ่ายตอนกลางวันก็ได้แสงสวยๆ หรือตอนกลางคืนก็โรแมนติกไปอีกแบบ บอกเลยว่ารูปโปรไฟล์ใหม่ต้องมาจากมุมนี้!

3. จุดชมวิวสวัสดีบางกอก (Sawasdee Bangkok Viewpoint)  ใครสายตื่นเช้าต้องเลิฟ! มาหามุมจิบกาแฟ  ชมวิวเมืองกรุงเทพฯ ในมุมที่สวยที่สุด ถ่ายสตอรี่อวดเพื่อนตอนเช้าๆ พร้อมแคปชั่น “Good morning, Bangkok!” คือปังไม่ไหว ได้ฟีลเหมือนเป็นเจ้าของเมืองนี้!

4. เดอะ เทอเรส (The Terrace)  Photo Spot ฟีลต่างประเทศ! ด้วยพื้นกระเบื้องสลับกระจกสีฟ้ากับน้ำพุเก๋ๆ ทำให้มุมนี้ดูเท่และมีสไตล์สุดๆ แค่โพสท่าง่ายๆ ก็ได้รูปคูลๆ เหมือนอยู่เมืองนอกแล้ว ไม่ต้องบินไปไกล!

5. ม่านน้ำ 2513 (Cascade 2513)  จุดฮีลใจกลางกรุง! มานั่งฟังเสียงน้ำตกเย็นๆ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากน้ำตกในตำนานของโรงแรมดุสิตธานีเดิม ช่วยคลายร้อนแถมยังได้รูปสวยๆ ฟีลธรรมชาติบำบัดอีกด้วย ใครเหนื่อยๆ มาแวะตรงนี้รับรองสดชื่น!

6. เดอะ พลาซ่า (The Plaza)  ลานหญ้าเขียวๆ ให้นั่งเล่น ปิกนิก หรือทำกิจกรรมเบาๆ ได้ฟีลเหมือนอยู่ในหนัง High School Musical นั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนพร้อมรับละอองน้ำเย็นๆ จากม่านน้ำที่อยู่ใกล้ๆ คือที่สุดของความชิลล์!

7. ดี การ์เด้น (D Garden)  (Exclusive Zone สำหรับลูกบ้านและแขกโรงแรม) โซนสวนดอกไม้สุดไพรเวทที่ชั้นบนสุดของสวน ใครได้เข้าโซนนี้คือผู้โชคดี! เหมาะกับการมาเดินเล่นสวยๆ ท่ามกลางดอกไม้นานาพรรณ ได้รูปฟีลคุณหนูคุณชายแน่นอน

8. เดอะ คอร์ดยาร์ด (The Courtyard)  (Exclusive Zone สำหรับแขกโรงแรม) อีกหนึ่งพื้นที่พิเศษในโซน D Garden บรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการจัดกิจกรรมเล็กๆ หรือมานั่งพักผ่อนแบบส่วนตัว

More to Know! เรื่องต้องรู้ก่อนมา!

  •  Pet-Friendly นะรู้ยัง!: ชาว #ทาสหมาทาสแมว พาน้องๆ มาเดินเล่นได้เลย แค่มีรถเข็นหรือสายจูงกับอุปกรณ์ทำความสะอาดมาให้พร้อม ก็พาน้องๆ มาสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วยกันได้แล้ว
  •  มีสนามเด็กเล่น: Joyful Playground ให้เด็กๆ ได้ปล่อยพลัง
  •  ดีไซน์เพื่อทุกคน: ทางเดิน Natural Trail เป็น Universal Design ผู้สูงอายุหรือคนใช้รถเข็นก็มาเที่ยวได้สบายๆ

พิกัด: สวนดุสิตอรุณ ณ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (หัวมุมถนนพระราม 4 – สีลม)

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 06:00 – 22:00 น.

ติดตามกิจกรรมและโปรเด็ดๆ ได้ที่: LINE Official Account @dusitcentralpark

เซี่ยงไฮ้: เงามังกรในกระจกเงาแห่งอนาคต บันทึกการเดินทาง 5 วันในมหานครที่ไม่เคยหลับใหล

เซี่ยงไฮ้ เงามังกรในกระจกเงาแห่งอนาคต บันทึกการเดินทาง 5 วันในมหานครที่ไม่เคยหลับใหล

TravelEatDrinkReview – มหานครเซี่ยงไฮ้เปรียบดั่งมังกรหลากสีที่ขดตัวอยู่ริมฝั่งแปซิฟิก เกล็ดหนึ่งของมันสะท้อนภาพอดีตอันรุ่งโรจน์ของ “ปารีสแห่งตะวันออก” ในขณะที่อีกเกล็ดหนึ่งส่องประกายแสงนีออนเจิดจ้าของโลกอนาคต การเดินทาง 5 วัน 4 คืนในนครแห่งนี้ จึงไม่ใช่เป็นเพียงการย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่คือการเดินทางข้ามผ่านพรมแดนแห่งกาลเวลา ที่ซึ่งประวัติศาสตร์และจินตนาการไหลรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

อรุณรุ่งแห่งการเดินทาง: สองฟากฝั่งแม่น้ำหวงผู่

วันแรกของเราเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงหวีดแหลมของรถไฟแม็กเลฟ ที่ทะยานจากสนามบินผู่ตงเข้าสู่ใจกลางเมืองด้วยความเร็วราวกับลูกธนู มันคือปฐมบทที่ประกาศให้เรารู้ว่า เราได้ก้าวเข้ามาสู่เมืองที่ทุกสิ่งเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

เมื่อฝากสัมภาระไว้กับที่พัก เรามุ่งหน้าสู่ เดอะบันด์ (The Bund) เส้นเลือดใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเซี่ยงไฮ้ ณ ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่แห่งนี้ มรดกทางสถาปัตยกรรมจากยุคสัมปทานตะวันตกตั้งตระหง่านเรียงรายราวกับทหารยามผู้ภักดี อาคารหินสไตล์นีโอคลาสสิกและอาร์ตเดโคเหล่านี้เคยเป็นที่ตั้งของธนาคารและสโมสรที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย ลมที่พัดผ่านช่องว่างระหว่างตึกราวกับจะกระซิบเล่าเรื่องราวความมั่งคั่งและความวุ่นวายในวันวาน

แต่เพียงแค่หันกายข้ามแม่น้ำ โลกอีกใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ย่านผู่ตง (Pudong) คือภาพสะท้อนของความทะเยอทะยานแห่งเซี่ยงไฮ้ยุคใหม่ ยอดแหลมของ หอไข่มุกตะวันออก และเกลียวตึกระฟ้าของ เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ ที่บิดทะยานสู่ก้อนเมฆ คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเมืองนี้ไม่ได้มองไปยังอดีตเพียงอย่างเดียว เราเลือกฝากมุมมองของเราไว้บนยอดตึกสูง มองลงมายังแสงไฟของเมืองที่เริ่มสว่างไสวราวกับหมู่ดาวบนผืนดิน มันคือภาพของปัจจุบันขณะที่งดงามจนแทบลืมหายใจ

ย่างก้าวสู่ใจกลางวัฒนธรรม

วันที่สอง เราปลีกตัวจากความโอ่อ่าของเดอะบันด์ เพื่อค้นหาจิตวิญญาณดั้งเดิมของเซี่ยงไฮ้ที่ซ่อนอยู่ใน สวนอี้หยวน (Yu Garden) สวนจีนโบราณแห่งนี้คือโลกอีกมิติที่เวลาเดินช้าลง ศาลากลางน้ำ สะพานหินซิกแซก และหลังคาทรงป้านที่ประดับด้วยมังกรปั้น คือองค์ประกอบของความสงบงามตามหลักปรัชญาจีน เราเดินผ่านกำแพงมังกรเลื้อย ท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงจอแจจาก ตลาดเฉินหวังเมี่ยว ที่โอบล้อมสวนไว้ ที่นั่น เราได้ลิ้มรสเสี่ยวหลงเปาคำแรกของทริป ไอร้อนที่ลอยขึ้นจากเข่งไม้ไผ่หอมกรุ่นและน้ำซุปที่แตกซ่านในปาก คือรสชาติของเซี่ยงไฮ้ที่เรียบง่ายแต่ล้ำลึก

ช่วงบ่าย เราท่องไปในเขาวงกตแห่งความสร้างสรรค์ที่ เทียนจื่อฝาง (Tianzifang) ตรอกซอกซอยแคบๆ ที่เคยเป็นย่านที่อยู่อาศัยเก่าแก่ ถูกชุบชีวิตให้กลายเป็นย่านฮิปของเหล่าศิลปิน ร้านค้าดีไซน์เก๋ แกลเลอรีเล็กๆ และบาร์น่านั่งซ่อนตัวอยู่ทุกหัวมุม ก่อนจะปิดท้ายวันที่ ซินเทียนตี้ (Xintiandi) ที่ซึ่งอาคารอิฐแดงแบบ “สือคู่เหมิน” ถูกขัดเกลาให้กลายเป็นพื้นที่ของความหรูหรา ที่นี่คือจุดบรรจบที่สมบูรณ์แบบของเซี่ยงไฮ้เก่าและใหม่อย่างแท้จริง

วันที่โลกแห่งจินตนาการมีชีวิต

วันที่สาม เราละทิ้งโลกแห่งความจริงไว้เบื้องหลัง และปล่อยให้หัวใจเด็กในตัวนำทางไปสู่ เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland Shanghai) ที่นี่ไม่ใช่แค่สวนสนุก แต่คืออาณาจักรที่ทุกรายละเอียดถูกรังสรรค์ขึ้นจากเวทมนตร์ ปราสาท Enchanted Storybook ที่สูงตระหง่าน คือภาพฝันที่กลายเป็นจริง และเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากเครื่องเล่น TRON คือเสียงสะท้อนของเทคโนโลยีและความตื่นเต้น วันทั้งวันหมดไปกับการผจญภัยในโลกแห่งเทพนิยายและอนาคต ก่อนจะปิดฉากลงด้วยภาพพลุที่ส่องสว่างเหนือปราสาท เป็นภาพจำที่จะตราตรึงอยู่ในใจไปอีกนาน

ศิลปะ สถาปัตยกรรม และร่มเงาไม้

วันที่สี่ เรากลับสู่ความรื่นรมย์ของเมืองอีกครั้งใน ย่านสัมปทานฝรั่งเศส ถนนหนทางที่ทอดยาวใต้ร่มเงาของต้นแพลตตินพาเราย้อนกลับไปสู่ยุคที่แตกต่าง เราเดินไปตามถนนอู่คัง เพื่อชม ตึก Wukang Mansion ที่สง่างามราวกับเรือเดินสมุทรซึ่งเกยตื้นอยู่กลางเมือง แสงแดดที่ส่องลอดใบไม้ลงมากระทบบนกำแพงอิฐและร้านกาแฟน่ารักๆ ทำให้ย่านนี้มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร

จากนั้น เส้นทางได้นำเราไปสู่สองขั้วของงานสร้างสรรค์ Tian An 1000 Trees คือสถาปัตยกรรมแห่งจินตนาการ ที่ซึ่งอาคารถูกเปลี่ยนให้เป็นภูเขาสีเขียวที่ปกคลุมด้วยต้นไม้นับพันต้น มันคือทัศนียภาพที่ท้าทายทุกกฎเกณฑ์ของสถาปัตยกรรมเมือง ก่อนที่เราจะข้ามฝั่งไปสู่ M50 Creative Park โกดังศิลปะที่ดิบและเปี่ยมไปด้วยพลัง ที่ซึ่งศิลปินรุ่นใหม่ของจีนได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาออกมาอย่างอิสระ

บทส่งท้าย: กลิ่นกาแฟ ความหรูหรา และการอำลา

วันสุดท้ายของเราคือบทสรุปของความทันสมัยในเซี่ยงไฮ้ เราเริ่มต้นที่ ถนนหนานจิงตะวันตก (West Nanjing Road) ที่ซึ่งความหรูหราไม่ได้เป็นเพียงคำพูด แต่คือสิ่งที่สัมผัสได้จากทุกตารางนิ้ว ที่นี่คือที่ตั้งของ Starbucks Reserve Roastery ซึ่งเป็นมากกว่าร้านกาแฟ แต่คือโรงละครแห่งเมล็ดกาแฟ ที่ทุกขั้นตอนตั้งแต่การคั่วจนถึงการชงถูกนำเสนออย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

ไม่ไกลกันนัก คือที่ตั้งของ “The Louis” เรือสำราญลำยักษ์จาก Louis Vuitton ที่จอดเทียบท่าอยู่ใจกลางเมือง มันคือหมุดหมายใหม่ล่าสุด ที่ประกาศศักดาของเซี่ยงไฮ้ในฐานะเมืองหลวงแห่งแฟชั่นของเอเชีย การได้จิบกาแฟในคาเฟ่ของที่นี่และเดินชมนิทรรศการ คือการปิดท้ายการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ

เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นจากสนามบินผู่ตงในเย็นวันนั้น ภาพของมหานครเซี่ยงไฮ้เบื้องล่างคือภาพของมังกรที่ยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง เมืองที่อดีตไม่ได้ถูกลบเลือน แต่ถูกเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นรากฐานให้กับอนาคตที่สูงเสียดยิ่งกว่าตึกระฟ้าใดๆ และเราเป็นเพียงนักเดินทางที่โชคดี ที่ได้มีโอกาสสัมผัสเศษเสี้ยวหนึ่งของตำนานที่กำลังถูกเขียนขึ้นในปัจจุบัน…ขณะนี้

“Jasmine Blue” เมนูคอลแลปใหม่!! ระหว่าง “NOSE TEA x SOURI”

สัมผัสความอบอุ่นกับคนที่คุณรัก “Jasmine Blue” เมนูคอลแลปใหม่!! ระหว่าง “NOSE TEA x SOURI” ดีไซน์ความหอม ให้หวานเพลินทุกเลเยอร์!!

ความลงตัวที่แสนจะเข้ากันสุดๆ ระหว่าง “NOSE TEA” แบรนด์ชาที่โดดเด่น ด้วยกิมมิคชีสสุดนัวกลายเป็นไอคอน #REALCHEESE ที่จริงใจ กับการคอลแลปเมนูใหม่ร่วมกับ “SOURI” แบรนด์ขนมมาการองชื่อดัง ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะถูกผสมผสาน ศิลปะ และความคิดสร้างสรรค์ ให้เข้ากับขนมหวาน เมื่อสองแบรนด์ต่างนำจุดเด่นของตัวเอง มาครีเอทเมนูเครื่องดื่มในชื่อ “Jasmine Blue (จัสมิน บลู)” และขนมหวานชูส์ครีม “Kiss of Blue” ออกมาให้ทุกคนร่วมเฉลิมฉลอง พร้อมสัมผัสความอบอุ่นในช่วงเทศกาลวันแม่ หรือคนที่คุณรักไปด้วยกัน

Jasmine Blue” คือเครื่องดื่มที่ “NOSE TEA” เลือกใช้เบสหลักเป็นชาจัสมินที่มีกลิ่นหอมกรุ่น อย่างที่ใครหลายคนคุ้นเคยในรสชาติ พร้อมด้วยความสดใสของอัญชันจากธรรมชาติ ที่ปรับแต่งออกมาให้เป็นสีฟ้าน่าทาน นำมาผสมผสานกับนมสดสูตรพรีเมียม เนื้อเนียนนุ่ม ปั่นรวมเข้าด้วยกัน แบ่งเลเยอร์ให้ชั้นล่างเป็นพานาคอตต้าหวานกำลังดี ออนท็อปด้วยครีมชีสหอมมัน รสนัว ซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ก่อนจะโรยความอร่อยของครัมเบิ้ลกรุบกรอบจาก “SOURI” ไว้ชั้นบนสุด เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสให้เครื่องดื่มมีมิติในทุกเลเยอร์มากขึ้น

“Kiss of Blue” ชูส์ครีมไส้ Grapefruit Custard เนื้อเนียน หอมละมุนสุดๆ ที่ “SOURI” ผสมผสานกับแยม Grapefruit รสชาติหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้ ตกแต่งด้วยแผ่นช็อคโกแลตด้านบน และโรยไอซิ่งบางๆ ตัดกับความนุ่มฟูของ

วิปครีมกลิ่น Jasmine สีฟ้า รสชาติกำลังดี กลมกล่อมลงตัวในทุกคำที่ได้สัมผัส เมื่อนำมาเสิร์ฟคู่กับเมนู “Jasmine Blue” เต็มไปด้วยความสดชื่น สดใส ชวนให้น่าลิ้มลอง

นอกจากนี้ความอร่อยคูณสองที่เราตั้งใจมอบให้ทุกคน เราตกแต่ง “NOSE TEA” ชั้น 2 โซน Zpell สาขา Zpell Future Park Rangsit ให้เป็นธีมคาเฟ่กลิ่นอายของสวนดอกไม้ อบอวลไปด้วยความสุข เข้ากับคอนเซ็ปต์ “เติมความหวานของเธอ เฉลิมฉลองความรักของเธอ” ใครสายคอนเทนต์ คอนใจ สามารถเข้าไปเช็คอินถ่ายภาพสวยๆ และตามไปตำเมนู “Jasmine Blue” และ “Kiss of Blue” ได้ที่ “NOSE TEA” ทุกสาขา หรือจะสั่งเดลิเวอรี่ส่งถึงบ้าน ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2568 ไปเลย

 

11 เมืองเที่ยวในญี่ปุ่น ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ!

TravelEatDrinkReview จะพาคุณไปสำรวจ 11 เมืองในญี่ปุ่น (ไม่นับโตเกียวและโอซาก้า) ที่หลายคนโหวตให้เป็นเมืองที่ “ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ” แต่ละเมืองมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้นักเดินทางหลายคนหลงรักจนอยากกลับไปซ้ำแน่นอน


อันดับ 11: อิเสะ (Ise)

เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความสงบและมนต์ขลัง ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวญี่ปุ่น

  • ศาลเจ้าอิเสะจิงกู (Ise Jingu): ศาลเจ้าชินโตที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นส่วนนอก (Geku) และส่วนใน (Naiku)
  • ถนนโอฮาไรมาจิ (Oharai-machi): ถนนเก่าแก่ที่ทอดยาวไปยังศาลเจ้าอิเสะจิงกูในส่วนใน (Naiku) เต็มไปด้วยอาคารไม้โบราณที่ให้บรรยากาศย้อนยุค
  • ถนนโอคากะโยโกโจ (Okage Yokocho): ถนนสายเล็ก ๆ ที่แยกจากถนนโอฮาไรมาจิ บรรยากาศเหมือนหมู่บ้านสมัยเอโดะ มีร้านค้าและร้านอาหารมากมายให้เลือก
  • หินคู่เมะโอโตะอิวะ (Meoto Iwa): หินคู่ขนาดใหญ่ที่ถูกผูกติดกันด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและโชคลาภ
  • หมู่บ้านวัฒนธรรมอะสุจิ-โมะโมะยามะ (Azuchi-Momoyama Bunkamura): สวนสนุกที่จำลองหมู่บ้านในยุคอะสุจิ-โมะโมะยามะ มีการแสดงนินจาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
  • พิพิธภัณฑ์ชินจูกุ (Shinjuku History Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองอิเสะและภูมิภาคโดยรอบ
  • สวนโทบะซาชิฮามะ (Toba Sasihama): ชายหาดที่สวยงามในเมืองโทบะ (Toba) ใกล้กับอิเสะ เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมทะเล
  • พิพิธภัณฑ์มิกิโมะโตะเพิร์ลไอส์แลนด์ (Mikimoto Pearl Island): เกาะเล็ก ๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของการเพาะเลี้ยงไข่มุก มีการสาธิตการดำน้ำของสตรี (Ama Divers)
  • ศาลเจ้าสึโบกาอิ (Tsubogai Shrine): ศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์อันงดงามได้
  • ห้างสรรพสินค้าอิเซะ (Ise Department Store): ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่มีของฝากและสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อ

อันดับ 10: เบปปุ (Beppu)

เมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ควันไอน้ำที่ลอยฟุ้งไปทั่วเมืองคือภาพจำสุดคลาสสิก

  • บ่อไฟนรก (Jigoku Onsen): บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีสีสันและลักษณะเฉพาะถึง 8 บ่อ แต่ละบ่อมีความสวยงามแตกต่างกันไป เช่น บ่อสีเลือด (Blood Pond Hell) และบ่อทะเลเดือด (Sea Hell)
  • หุบเขาออนเซ็นยูฟุอิน (Yufuin Onsen): เมืองออนเซ็นเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเบปปุ บรรยากาศเงียบสงบ มีร้านค้าและคาเฟ่น่ารัก ๆ
  • สวนสนุกเบปปุ ราคุเท็นจิ (Beppu Rakutenchi): สวนสนุกเก่าแก่ที่มีกระเช้าลอยฟ้าให้ชมวิวเมืองเบปปุ
  • บ่อน้ำร้อนซูนะยุ (Sunayu Onsen): บ่อน้ำร้อนทรายที่ให้เราฝังตัวอยู่ในทรายอุ่น ๆ เพื่อการบำบัด
  • สวนลิงทาคาซากิยามะ (Takasakiyama Monkey Park): สวนลิงธรรมชาติที่มีลิงป่าอาศัยอยู่หลายร้อยตัว
  • บ่อน้ำร้อนฟุโรยู (Furoyu Onsen): บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเบปปุ
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุซุมิกะวา (Uzumigawa Aquarium): พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็กที่จัดแสดงสัตว์ทะเลในท้องถิ่น
  • หอคอยเบปปุ (Beppu Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองเบปปุและทะเลอย่างเต็มตา
  • สวนดอกไม้ฮิรากิ (Hiraki Flower Park): สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่งตลอดปี
  • วัดฮาคุราคุจิ (Hakuraku-ji Temple): วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองเบปปุได้

อันดับ 9: นาโกย่า (Nagoya)

เมืองใหญ่ที่ไม่วุ่นวาย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมในภูมิภาคชูบุ

  • ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle): หนึ่งในปราสาทที่ใหญ่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
  • สวนจิบลิ (Ghibli Park): สวนสนุกธีมแรกของสตูดิโอจิบลิ ที่จำลองฉากจากภาพยนตร์ชื่อดังต่าง ๆ ของจิบลิ
  • ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine): หนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น
  • พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya City Science Museum): พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่มีโดมท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ย่านโอสุ (Osu Kannon): ย่านการค้าเก่าแก่ที่มีทั้งวัดวาอาราม ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านขายของมือสองมากมาย
  • พิพิธภัณฑ์รถไฟ (Scmaglev and Railway Park): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรถไฟหัวกระสุน (Shinkansen) ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด
  • หอคอยทีวีนาโกย่า (Nagoya TV Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองนาโกย่าจากมุมสูง
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทกุกาวะ (Tokugawa Art Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติของตระกูลโทกุกาวะ รวมถึงม้วนคัมภีร์และภาพวาดโบราณ
  • ศูนย์การค้าซาคาเอะ (Sakae Shopping Area): ย่านช้อปปิ้งหลักของนาโกย่าที่มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทันสมัยมากมาย
  • สวนสาธารณะชิโรโทริ (Shirotori Garden): สวนญี่ปุ่นที่สวยงาม มีบึงน้ำและสะพานไม้ที่ให้บรรยากาศสงบ

อันดับ 8: โอตารุ (Otaru)

เมืองท่าสุดโรแมนติกที่ตั้งอยู่ในฮอกไกโด มีคลองเก่าแก่และอาคารอิฐแดงสุดคลาสสิก

  • คลองโอตารุ (Otaru Canal): สัญลักษณ์ของเมืองโอตารุ มีโกดังเก่าแก่เรียงรายริมคลอง บรรยากาศงดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและยามค่ำคืนที่มีการประดับไฟ
  • ถนนซากาอิมาจิ (Sakaimachi Street): ถนนช็อปปิ้งหลักของโอตารุ มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านงานแก้ว ร้านเครื่องดนตรี และร้านอาหารทะเลสดใหม่
  • พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงกล่องดนตรีหลากหลายรูปแบบ
  • โรงงานเป่าแก้วคิตาอิจิ (Kitaichi Glass Otaru): โรงงานเป่าแก้วที่มีการสาธิตการทำแก้ว และมีร้านค้าที่เต็มไปด้วยของตกแต่งและเครื่องแก้วสวยงาม
  • พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น สาขาโอตารุ (Bank of Japan Otaru Museum): อาคารสไตล์เรโทรที่เคยเป็นธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม
  • หอคอยชมวิวเท็งกุยามะ (Tenguyama Ropeway): กระเช้าลอยฟ้าที่พาคุณขึ้นไปบนยอดเขาเท็งกุ (Mount Tengu) เพื่อชมวิวเมืองโอตารุและอ่าว
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอตารุ (Otaru Aquarium): พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีการแสดงโชว์ของแมวน้ำและโลมา
  • ศาลเจ้าฮินะมะสึริ (Hinamatsuri Shrine): ศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่จัดเทศกาลตุ๊กตาฮินะ (Hinamatsuri) ในช่วงต้นเดือนมีนาคม
  • ตลาดปลาซังคาคุ (Sankaku Market): ตลาดปลาเล็ก ๆ ที่มีร้านอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกชิม
  • ท่าเรือโอตารุ (Otaru Port): ท่าเรือที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าในอดีต ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินเล่นชมเรือได้

อันดับ 7: โอกินาวา (Okinawa)

เกาะสวรรค์แห่งท้องทะเลใต้ของญี่ปุ่น ที่ผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายได้อย่างลงตัว

  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (Okinawa Churaumi Aquarium): พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไฮไลต์คือแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ทะเลคุโรชิโอ”
  • ปราสาทชูริ (Shuri Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งอาณาจักรริวกิว
  • ถนนโคคุไซโดริ (Kokusai Dori): ถนนสายหลักของเมืองนาฮา (Naha) ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
  • แหลมมันซาโมะ (Cape Manzamo): จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีหน้าผาหินรูปร่างคล้ายงวงช้าง
  • หมู่บ้านอเมริกันมิฮามะ (Mihama American Village): แหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบอเมริกัน
  • หมู่บ้านริวกิว (Ryukyu Mura): หมู่บ้านจำลองที่จัดแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวโอกินาว่าในอดีต
  • หาดโคเซ็นบะ (Kosenba Beach): ชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและพักผ่อน
  • ถ้ำเกียวคุเซ็นโดะ (Gyokusendo Cave): ถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
  • ตลาดมิกิมิโนะ (Mikimino Market): ตลาดปลาสดที่ตั้งอยู่ในเมืองนาฮา (Naha) มีอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกชิม
  • ปราสาทซาชิกะมินิ (Sashigamine Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารในสมัยก่อน

อันดับ 6: นากาโน่ (Nagano)

จังหวัดที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น โดดเด่นเรื่องกีฬาฤดูหนาว

  • สวนลิงหิมะจิโกกุดานิ (Jigokudani Monkey Park): ที่ที่เหล่าลิงหิมะลงมาแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางหิมะ
  • ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle): หนึ่งในปราสาทดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น มีสีดำสนิทจนได้ฉายาว่า “ปราสาทอีกา”
  • วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple): วัดที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,400 ปี และเป็นหนึ่งในวัดพุทธที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
  • อุทยานแห่งชาติคามิโคจิ (Kamikochi National Park): อุทยานที่สวยงามราวกับภาพวาด มีเส้นทางเดินป่าเลียบแม่น้ำอะซึสะ (Azusa River)
  • หมู่บ้านโอฮิเมะ (O-Hime Village): หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีบ้านเรือนและอาคารแบบดั้งเดิมให้เยี่ยมชม
  • สวนสาธารณะชิราคาบะ (Shirakaba Highland): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับการเดินเล่นและปั่นจักรยาน
  • เมืองปราสาทนากาโน่ (Nagano Castle Town): เมืองเก่าที่มีอาคารและถนนที่ให้บรรยากาศเหมือนสมัยก่อน
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิเมะมัตสึ (Himematsu Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น
  • แหล่งน้ำพุร้อนฮิรากิ (Hiraki Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในหุบเขา มีบรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว
  • ภูเขาคิโซะ (Kiso Mountain Range): เทือกเขาที่สวยงามในนากาโน่ เหมาะสำหรับการเดินป่าและปีนเขา

อันดับ 5: โทยามะ (Toyama)

จังหวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น มีบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติที่สมบูรณ์

  • เส้นทางท่องเที่ยวเท็ตสึยามะ-คุโรเบะ อัลไพน์ (Tateyama-Kurobe Alpine Route): เส้นทางข้ามภูเขาที่โด่งดัง มีกำแพงหิมะสูงตระหง่านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
  • หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge): หุบเขาที่ลึกที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น สามารถนั่งรถไฟชมวิวไปตามรางรถไฟที่ตัดผ่านอุโมงค์และสะพาน
  • ปราสาทโทยามะ (Toyama Castle): ปราสาทที่สร้างขึ้นตามแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะที่ร่มรื่น
  • สวนริมคลองฟุกัง (Fugan Unga Kansui Park): สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมคลอง มีบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะกับการเดินเล่นหรือปั่นจักรยาน
  • พิพิธภัณฑ์เมืองโทยามะ (Toyama City Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองโทยามะ
  • ตลาดชิรากาวะโกะ (Shirakawa-go): หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีบ้านหลังคาแบบกัสโช (Gassho-zukuri) ที่สวยงามและแปลกตา
  • วัดโคโนะฮะ (Konoha Temple): วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองโทยามะได้
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินชื่อดังมากมาย
  • สวนสาธารณะโทยามะ (Toyama Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้และบึงน้ำที่สวยงาม
  • ห้างสรรพสินค้าไดมารุ (Daimaru Department Store): ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ

อันดับ 4: ฮาโกดาเตะ (Hakodate)

เมืองท่าทางตอนใต้ของฮอกไกโดที่มีความโรแมนติกและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน

  • ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate): จุดชมวิวที่สวยงามระดับโลก โดยเฉพาะวิวกลางคืนที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสามวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในโลก
  • ป้อมโกะเรียวกะโกะ (Goryokaku Fort): ป้อมปราการรูปดาวห้าแฉกแห่งแรกของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ
  • ย่านโมโตมาจิ (Motomachi District): ย่านเก่าแก่ที่มีอาคารสไตล์ตะวันตกสวยงาม เช่น โบสถ์คาทอลิกและโบสถ์คริสต์ออร์โธดอกซ์
  • ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market): ตลาดอาหารทะเลสดใหม่ขนาดใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 250 ร้าน
  • โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse): กลุ่มอาคารโกดังเก่าแก่ที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ริมทะเล
  • หอคอยฮาโกดาเตะ (Hakodate Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองฮาโกดาเตะจากมุมสูง
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกดาเตะ (Hakodate Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น
  • สวนสาธารณะฮาโกดาเตะ (Hakodate Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้และสนามเด็กเล่น
  • แหล่งน้ำพุร้อนยูโนะกาวะ (Yunokawa Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง
  • สะพานคิริโกะ (Kiriko Bridge): สะพานไม้ที่สวยงาม ตั้งอยู่บนแม่น้ำคิริโกะ (Kiriko River)

อันดับ 3: ทาคายามะ (Takayama)

เมืองเล็ก ๆ ในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมจากสมัยเอโดะเอาไว้

  • ย่านเมืองเก่าซันมาชิ ซูจิ (Sanmachi Suji): ย่านเมืองเก่าที่มีอาคารไม้โบราณและถนนที่ปูด้วยหินก้อนใหญ่
  • สะพานนากะบาชิ (Nakabashi Bridge): สะพานไม้สีแดงสดที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ทอดข้ามแม่น้ำมิยากาว่า (Miyagawa River)
  • ทาคายามะ จินยะ (Takayama Jinya): ที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นในสมัยเอโดะ เป็นอาคารเก่าแก่เพียงแห่งเดียวที่ยังคงสภาพดีเยี่ยม
  • ตลาดเช้าทาคายามะ (Miyagawa Morning Market): ตลาดเช้าที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิยากาว่า มีร้านค้ามากมายขายผักผลไม้สดและของที่ระลึก
  • เทศกาลทาคายามะ (Takayama Festival): หนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จัดขึ้นปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
  • ศาลเจ้าซากุระยามะ ฮาจิมังงู (Sakurayama Hachimangu Shrine): ศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทาคายามะ
  • หมู่บ้านฮิดะโนะซาโตะ (Hida no Sato): หมู่บ้านจำลองที่จัดแสดงบ้านเรือนแบบดั้งเดิมของชาวฮิดะ (Hida)
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิดะ (Hida Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น
  • หอคอยทาคายามะ (Takayama Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองทาคายามะจากมุมสูง
  • สวนสาธารณะทาคายามะ (Takayama Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้และบึงน้ำที่สวยงาม

อันดับ 2: เกียวโต (Kyoto)

เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันงดงาม มีมรดกโลกมากมาย

  • วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple): วัดน้ำใสที่มีระเบียงไม้ขนาดใหญ่ยื่นออกไปจากหน้าผา สามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตได้อย่างสวยงาม
  • ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine): ศาลเจ้าจิ้งจอกที่มีชื่อเสียงจากเสาโทริอิสีแดงนับพันต้นที่เรียงรายกันเป็นอุโมงค์
  • ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove): ป่าไผ่ขนาดใหญ่ที่ให้บรรยากาศสงบและร่มรื่น
  • วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple): วัดทองที่มีอาคารหลักปิดทองคำเปลวทั้งหลัง ตั้งอยู่ริมสระน้ำอย่างงดงาม
  • ย่านกิออน (Gion): ย่านเก่าแก่ที่เป็นที่อยู่ของเกอิโกะ (Geiko) และไมโกะ (Maiko)
  • ปราสาทนิโจ (Nijo Castle): ปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ เคยเป็นที่ประทับของโชกุนโทกุกาวะ
  • วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji Temple): วัดเงินที่มีสวนสวยงามและบรรยากาศเงียบสงบ
  • วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple): วัดที่มีอาคารหลักเป็นรูปนกฟีนิกซ์ ตั้งอยู่ริมสระน้ำที่สวยงาม
  • ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine): ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงจากเทศกาลกิออน (Gion Matsuri) ที่ยิ่งใหญ่
  • ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market): ตลาดที่ขายอาหารและของที่ระลึกมากมาย เป็นที่รู้จักในฐานะ “ครัวของเกียวโต”

อันดับ 1: ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู บรรยากาศสบาย ๆ และมีทุกอย่างครบครัน

  • ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมังกู (Dazaifu Tenmangu Shrine): ศาลเจ้าชินโตที่สำคัญและเป็นที่รู้จักในฐานะเทพเจ้าแห่งการศึกษาและการสอบ
  • นันโซอิน (Nanzoin Temple): วัดที่มีพระนอนทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
  • คลองข้างถนนยาไต (Yatai Food Stalls): แผงขายอาหารข้างทางที่ตั้งเรียงรายริมคลองนากาซุ (Nakasu River)
  • สวนริมทะเลโมโมอิชิ (Momochi Seaside Park): สวนสาธารณะริมชายหาดที่มีหาดทรายสวยงามและฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) ตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์
  • ย่านช้อปปิ้งเท็นจิน (Tenjin Shopping Area): ย่านการค้าขนาดใหญ่ที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย
  • ตลาดปลาคะวะเซะ (Kawase Fish Market): ตลาดปลาสดที่ใหญ่ที่สุดในฟุกุโอกะ มีอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกชิม
  • ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ยังคงความสวยงามอยู่
  • สวนสาธารณะโอโฮริ (Ohori Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีบึงน้ำและสวนญี่ปุ่นที่สวยงาม
  • แหล่งน้ำพุร้อนฮากาตะ (Hakata Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง
  • ห้างสรรพสินค้าฮากาตะไดมารุ (Hakata Daimaru): ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ

อันดับพิเศษ: โตเกียว (Tokyo)

เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมเก่าแก่ได้อย่างลงตัว

  • ย่านชิบูย่า (Shibuya): ย่านยอดฮิตที่มีห้าแยกที่คนพลุกพล่านที่สุดในโลก และเป็นแหล่งรวมแฟชั่นและเทรนด์ใหม่ ๆ
  • โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree): หอคอยที่สูงที่สุดในโลก ให้คุณได้ชมวิวเมืองโตเกียวจากมุมสูง
  • วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple): วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในย่านอาซากุสะ (Asakusa) มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์
  • พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace): ที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น
  • ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Outer Market): ตลาดสดขนาดใหญ่ที่มีร้านอาหารและของทะเลสดใหม่มากมายให้เลือกชิม
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก Roppongi Hills ให้คุณได้ชมงานศิลปะไปพร้อมกับวิวเมืองโตเกียว
  • ย่านกินซ่า (Ginza): ย่านหรูหราที่มีร้านค้าแบรนด์เนม ร้านอาหารระดับมิชลิน และห้างสรรพสินค้าเก่าแก่
  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์ รวมถึงเป็นจุดชมซากุระยอดนิยม

อันดับพิเศษ: โอซาก้า (Osaka)

เมืองแห่งอาหารที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา มีอาหารอร่อยและแหล่งช้อปปิ้งมากมาย

  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่สวยงามและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
  • ย่านโดทงโบริ (Dotonbori): ย่านที่มีป้ายไฟขนาดยักษ์สุดคลาสสิกของกูลิโกะ (Glico Running Man) และเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อย
  • ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi): ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโอซาก้า มีร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้ามากมาย
  • หอคอยซึเท็นคาคุ (Tsutenkaku Tower): หอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของย่านชินเซไก (Shinsekai) ให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง
  • ตลาดคุโรมง (Kuromon Market): ตลาดที่ได้ฉายาว่าเป็น “ครัวของโอซาก้า” มีอาหารทะเลสดใหม่และของกินเล่นมากมายให้เลือกชิม
  • ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ เจแปน (Universal Studios Japan): สวนสนุกชื่อดังที่มีเครื่องเล่นและโซนพิเศษต่าง ๆ เช่น Super Nintendo World และ The Wizarding World of Harry Potter
  • แหล่งน้ำพุร้อนสปาเวิลด์ (Spa World): สวนสนุกน้ำพุร้อนที่มีบ่อแช่ออนเซ็นจากหลากหลายประเทศ
  • ย่านนัมบะ (Namba): ย่านศูนย์กลางการค้าที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสถานีรถไฟสำคัญ

ทั้งหมดนี้คือเมืองที่คนโหวตว่า “ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ” ลองไปสัมผัสเสน่ห์ของแต่ละเมืองด้วยตัวคุณเองดูนะครับ แล้วอย่าลืมมาบอกเราด้วยนะว่าเมืองไหนของญี่ปุ่นที่คุณชอบที่สุด!

อ้างอิง Go Went Go