11 เมืองเที่ยวในญี่ปุ่น ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ!

11 เมืองเที่ยวในญี่ปุ่น ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ!

TravelEatDrinkReview จะพาคุณไปสำรวจ 11 เมืองในญี่ปุ่น (ไม่นับโตเกียวและโอซาก้า) ที่หลายคนโหวตให้เป็นเมืองที่ “ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ” แต่ละเมืองมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้นักเดินทางหลายคนหลงรักจนอยากกลับไปซ้ำแน่นอน


อันดับ 11: อิเสะ (Ise)

เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความสงบและมนต์ขลัง ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวญี่ปุ่น

  • ศาลเจ้าอิเสะจิงกู (Ise Jingu): ศาลเจ้าชินโตที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดของญี่ปุ่น แบ่งออกเป็นส่วนนอก (Geku) และส่วนใน (Naiku)
  • ถนนโอฮาไรมาจิ (Oharai-machi): ถนนเก่าแก่ที่ทอดยาวไปยังศาลเจ้าอิเสะจิงกูในส่วนใน (Naiku) เต็มไปด้วยอาคารไม้โบราณที่ให้บรรยากาศย้อนยุค
  • ถนนโอคากะโยโกโจ (Okage Yokocho): ถนนสายเล็ก ๆ ที่แยกจากถนนโอฮาไรมาจิ บรรยากาศเหมือนหมู่บ้านสมัยเอโดะ มีร้านค้าและร้านอาหารมากมายให้เลือก
  • หินคู่เมะโอโตะอิวะ (Meoto Iwa): หินคู่ขนาดใหญ่ที่ถูกผูกติดกันด้วยเชือกศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและโชคลาภ
  • หมู่บ้านวัฒนธรรมอะสุจิ-โมะโมะยามะ (Azuchi-Momoyama Bunkamura): สวนสนุกที่จำลองหมู่บ้านในยุคอะสุจิ-โมะโมะยามะ มีการแสดงนินจาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
  • พิพิธภัณฑ์ชินจูกุ (Shinjuku History Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองอิเสะและภูมิภาคโดยรอบ
  • สวนโทบะซาชิฮามะ (Toba Sasihama): ชายหาดที่สวยงามในเมืองโทบะ (Toba) ใกล้กับอิเสะ เหมาะสำหรับการพักผ่อนริมทะเล
  • พิพิธภัณฑ์มิกิโมะโตะเพิร์ลไอส์แลนด์ (Mikimoto Pearl Island): เกาะเล็ก ๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของการเพาะเลี้ยงไข่มุก มีการสาธิตการดำน้ำของสตรี (Ama Divers)
  • ศาลเจ้าสึโบกาอิ (Tsubogai Shrine): ศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์อันงดงามได้
  • ห้างสรรพสินค้าอิเซะ (Ise Department Store): ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่มีของฝากและสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อ

อันดับ 10: เบปปุ (Beppu)

เมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ควันไอน้ำที่ลอยฟุ้งไปทั่วเมืองคือภาพจำสุดคลาสสิก

  • บ่อไฟนรก (Jigoku Onsen): บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีสีสันและลักษณะเฉพาะถึง 8 บ่อ แต่ละบ่อมีความสวยงามแตกต่างกันไป เช่น บ่อสีเลือด (Blood Pond Hell) และบ่อทะเลเดือด (Sea Hell)
  • หุบเขาออนเซ็นยูฟุอิน (Yufuin Onsen): เมืองออนเซ็นเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากเบปปุ บรรยากาศเงียบสงบ มีร้านค้าและคาเฟ่น่ารัก ๆ
  • สวนสนุกเบปปุ ราคุเท็นจิ (Beppu Rakutenchi): สวนสนุกเก่าแก่ที่มีกระเช้าลอยฟ้าให้ชมวิวเมืองเบปปุ
  • บ่อน้ำร้อนซูนะยุ (Sunayu Onsen): บ่อน้ำร้อนทรายที่ให้เราฝังตัวอยู่ในทรายอุ่น ๆ เพื่อการบำบัด
  • สวนลิงทาคาซากิยามะ (Takasakiyama Monkey Park): สวนลิงธรรมชาติที่มีลิงป่าอาศัยอยู่หลายร้อยตัว
  • บ่อน้ำร้อนฟุโรยู (Furoyu Onsen): บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในเบปปุ
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอุซุมิกะวา (Uzumigawa Aquarium): พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็กที่จัดแสดงสัตว์ทะเลในท้องถิ่น
  • หอคอยเบปปุ (Beppu Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองเบปปุและทะเลอย่างเต็มตา
  • สวนดอกไม้ฮิรากิ (Hiraki Flower Park): สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่งตลอดปี
  • วัดฮาคุราคุจิ (Hakuraku-ji Temple): วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองเบปปุได้

อันดับ 9: นาโกย่า (Nagoya)

เมืองใหญ่ที่ไม่วุ่นวาย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมในภูมิภาคชูบุ

  • ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle): หนึ่งในปราสาทที่ใหญ่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
  • สวนจิบลิ (Ghibli Park): สวนสนุกธีมแรกของสตูดิโอจิบลิ ที่จำลองฉากจากภาพยนตร์ชื่อดังต่าง ๆ ของจิบลิ
  • ศาลเจ้าอัตสึตะ (Atsuta Shrine): หนึ่งในศาลเจ้าชินโตที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น
  • พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์นาโกย่า (Nagoya City Science Museum): พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่มีโดมท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ย่านโอสุ (Osu Kannon): ย่านการค้าเก่าแก่ที่มีทั้งวัดวาอาราม ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านขายของมือสองมากมาย
  • พิพิธภัณฑ์รถไฟ (Scmaglev and Railway Park): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรถไฟหัวกระสุน (Shinkansen) ตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด
  • หอคอยทีวีนาโกย่า (Nagoya TV Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองนาโกย่าจากมุมสูง
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะโทกุกาวะ (Tokugawa Art Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสมบัติของตระกูลโทกุกาวะ รวมถึงม้วนคัมภีร์และภาพวาดโบราณ
  • ศูนย์การค้าซาคาเอะ (Sakae Shopping Area): ย่านช้อปปิ้งหลักของนาโกย่าที่มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าทันสมัยมากมาย
  • สวนสาธารณะชิโรโทริ (Shirotori Garden): สวนญี่ปุ่นที่สวยงาม มีบึงน้ำและสะพานไม้ที่ให้บรรยากาศสงบ

อันดับ 8: โอตารุ (Otaru)

เมืองท่าสุดโรแมนติกที่ตั้งอยู่ในฮอกไกโด มีคลองเก่าแก่และอาคารอิฐแดงสุดคลาสสิก

  • คลองโอตารุ (Otaru Canal): สัญลักษณ์ของเมืองโอตารุ มีโกดังเก่าแก่เรียงรายริมคลอง บรรยากาศงดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและยามค่ำคืนที่มีการประดับไฟ
  • ถนนซากาอิมาจิ (Sakaimachi Street): ถนนช็อปปิ้งหลักของโอตารุ มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านงานแก้ว ร้านเครื่องดนตรี และร้านอาหารทะเลสดใหม่
  • พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru Music Box Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงกล่องดนตรีหลากหลายรูปแบบ
  • โรงงานเป่าแก้วคิตาอิจิ (Kitaichi Glass Otaru): โรงงานเป่าแก้วที่มีการสาธิตการทำแก้ว และมีร้านค้าที่เต็มไปด้วยของตกแต่งและเครื่องแก้วสวยงาม
  • พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น สาขาโอตารุ (Bank of Japan Otaru Museum): อาคารสไตล์เรโทรที่เคยเป็นธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม
  • หอคอยชมวิวเท็งกุยามะ (Tenguyama Ropeway): กระเช้าลอยฟ้าที่พาคุณขึ้นไปบนยอดเขาเท็งกุ (Mount Tengu) เพื่อชมวิวเมืองโอตารุและอ่าว
  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอตารุ (Otaru Aquarium): พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีการแสดงโชว์ของแมวน้ำและโลมา
  • ศาลเจ้าฮินะมะสึริ (Hinamatsuri Shrine): ศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่จัดเทศกาลตุ๊กตาฮินะ (Hinamatsuri) ในช่วงต้นเดือนมีนาคม
  • ตลาดปลาซังคาคุ (Sankaku Market): ตลาดปลาเล็ก ๆ ที่มีร้านอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกชิม
  • ท่าเรือโอตารุ (Otaru Port): ท่าเรือที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าในอดีต ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินเล่นชมเรือได้

อันดับ 7: โอกินาวา (Okinawa)

เกาะสวรรค์แห่งท้องทะเลใต้ของญี่ปุ่น ที่ผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลายได้อย่างลงตัว

  • พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูราอุมิ (Okinawa Churaumi Aquarium): พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไฮไลต์คือแท็งก์น้ำขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ทะเลคุโรชิโอ”
  • ปราสาทชูริ (Shuri Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งอาณาจักรริวกิว
  • ถนนโคคุไซโดริ (Kokusai Dori): ถนนสายหลักของเมืองนาฮา (Naha) ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย
  • แหลมมันซาโมะ (Cape Manzamo): จุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่มีหน้าผาหินรูปร่างคล้ายงวงช้าง
  • หมู่บ้านอเมริกันมิฮามะ (Mihama American Village): แหล่งช้อปปิ้งและความบันเทิงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบอเมริกัน
  • หมู่บ้านริวกิว (Ryukyu Mura): หมู่บ้านจำลองที่จัดแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวโอกินาว่าในอดีต
  • หาดโคเซ็นบะ (Kosenba Beach): ชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและพักผ่อน
  • ถ้ำเกียวคุเซ็นโดะ (Gyokusendo Cave): ถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
  • ตลาดมิกิมิโนะ (Mikimino Market): ตลาดปลาสดที่ตั้งอยู่ในเมืองนาฮา (Naha) มีอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกชิม
  • ปราสาทซาชิกะมินิ (Sashigamine Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารในสมัยก่อน

อันดับ 6: นากาโน่ (Nagano)

จังหวัดที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น โดดเด่นเรื่องกีฬาฤดูหนาว

  • สวนลิงหิมะจิโกกุดานิ (Jigokudani Monkey Park): ที่ที่เหล่าลิงหิมะลงมาแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางหิมะ
  • ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle): หนึ่งในปราสาทดั้งเดิมที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น มีสีดำสนิทจนได้ฉายาว่า “ปราสาทอีกา”
  • วัดเซ็นโคจิ (Zenkoji Temple): วัดที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,400 ปี และเป็นหนึ่งในวัดพุทธที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
  • อุทยานแห่งชาติคามิโคจิ (Kamikochi National Park): อุทยานที่สวยงามราวกับภาพวาด มีเส้นทางเดินป่าเลียบแม่น้ำอะซึสะ (Azusa River)
  • หมู่บ้านโอฮิเมะ (O-Hime Village): หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีบ้านเรือนและอาคารแบบดั้งเดิมให้เยี่ยมชม
  • สวนสาธารณะชิราคาบะ (Shirakaba Highland): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับการเดินเล่นและปั่นจักรยาน
  • เมืองปราสาทนากาโน่ (Nagano Castle Town): เมืองเก่าที่มีอาคารและถนนที่ให้บรรยากาศเหมือนสมัยก่อน
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิเมะมัตสึ (Himematsu Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น
  • แหล่งน้ำพุร้อนฮิรากิ (Hiraki Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ตั้งอยู่ในหุบเขา มีบรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว
  • ภูเขาคิโซะ (Kiso Mountain Range): เทือกเขาที่สวยงามในนากาโน่ เหมาะสำหรับการเดินป่าและปีนเขา

อันดับ 5: โทยามะ (Toyama)

จังหวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลญี่ปุ่น มีบรรยากาศเงียบสงบและธรรมชาติที่สมบูรณ์

  • เส้นทางท่องเที่ยวเท็ตสึยามะ-คุโรเบะ อัลไพน์ (Tateyama-Kurobe Alpine Route): เส้นทางข้ามภูเขาที่โด่งดัง มีกำแพงหิมะสูงตระหง่านในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
  • หุบเขาคุโรเบะ (Kurobe Gorge): หุบเขาที่ลึกที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น สามารถนั่งรถไฟชมวิวไปตามรางรถไฟที่ตัดผ่านอุโมงค์และสะพาน
  • ปราสาทโทยามะ (Toyama Castle): ปราสาทที่สร้างขึ้นตามแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะที่ร่มรื่น
  • สวนริมคลองฟุกัง (Fugan Unga Kansui Park): สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ริมคลอง มีบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะกับการเดินเล่นหรือปั่นจักรยาน
  • พิพิธภัณฑ์เมืองโทยามะ (Toyama City Museum): พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองโทยามะ
  • ตลาดชิรากาวะโกะ (Shirakawa-go): หมู่บ้านเก่าแก่ที่มีบ้านหลังคาแบบกัสโช (Gassho-zukuri) ที่สวยงามและแปลกตา
  • วัดโคโนะฮะ (Konoha Temple): วัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นเมืองโทยามะได้
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะโอฮาระ (Ohara Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินชื่อดังมากมาย
  • สวนสาธารณะโทยามะ (Toyama Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้และบึงน้ำที่สวยงาม
  • ห้างสรรพสินค้าไดมารุ (Daimaru Department Store): ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ

อันดับ 4: ฮาโกดาเตะ (Hakodate)

เมืองท่าทางตอนใต้ของฮอกไกโดที่มีความโรแมนติกและมีประวัติศาสตร์ยาวนาน

  • ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate): จุดชมวิวที่สวยงามระดับโลก โดยเฉพาะวิวกลางคืนที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสามวิวกลางคืนที่สวยที่สุดในโลก
  • ป้อมโกะเรียวกะโกะ (Goryokaku Fort): ป้อมปราการรูปดาวห้าแฉกแห่งแรกของญี่ปุ่น สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ
  • ย่านโมโตมาจิ (Motomachi District): ย่านเก่าแก่ที่มีอาคารสไตล์ตะวันตกสวยงาม เช่น โบสถ์คาทอลิกและโบสถ์คริสต์ออร์โธดอกซ์
  • ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (Hakodate Morning Market): ตลาดอาหารทะเลสดใหม่ขนาดใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 250 ร้าน
  • โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ (Kanemori Red Brick Warehouse): กลุ่มอาคารโกดังเก่าแก่ที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่ริมทะเล
  • หอคอยฮาโกดาเตะ (Hakodate Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองฮาโกดาเตะจากมุมสูง
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกดาเตะ (Hakodate Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น
  • สวนสาธารณะฮาโกดาเตะ (Hakodate Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้และสนามเด็กเล่น
  • แหล่งน้ำพุร้อนยูโนะกาวะ (Yunokawa Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง
  • สะพานคิริโกะ (Kiriko Bridge): สะพานไม้ที่สวยงาม ตั้งอยู่บนแม่น้ำคิริโกะ (Kiriko River)

อันดับ 3: ทาคายามะ (Takayama)

เมืองเล็ก ๆ ในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ยังคงสถาปัตยกรรมดั้งเดิมจากสมัยเอโดะเอาไว้

  • ย่านเมืองเก่าซันมาชิ ซูจิ (Sanmachi Suji): ย่านเมืองเก่าที่มีอาคารไม้โบราณและถนนที่ปูด้วยหินก้อนใหญ่
  • สะพานนากะบาชิ (Nakabashi Bridge): สะพานไม้สีแดงสดที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ทอดข้ามแม่น้ำมิยากาว่า (Miyagawa River)
  • ทาคายามะ จินยะ (Takayama Jinya): ที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่นในสมัยเอโดะ เป็นอาคารเก่าแก่เพียงแห่งเดียวที่ยังคงสภาพดีเยี่ยม
  • ตลาดเช้าทาคายามะ (Miyagawa Morning Market): ตลาดเช้าที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมิยากาว่า มีร้านค้ามากมายขายผักผลไม้สดและของที่ระลึก
  • เทศกาลทาคายามะ (Takayama Festival): หนึ่งในเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จัดขึ้นปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง
  • ศาลเจ้าซากุระยามะ ฮาจิมังงู (Sakurayama Hachimangu Shrine): ศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทาคายามะ
  • หมู่บ้านฮิดะโนะซาโตะ (Hida no Sato): หมู่บ้านจำลองที่จัดแสดงบ้านเรือนแบบดั้งเดิมของชาวฮิดะ (Hida)
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิดะ (Hida Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงผลงานของศิลปินท้องถิ่น
  • หอคอยทาคายามะ (Takayama Tower): หอคอยสูงที่ให้คุณได้ชมวิวเมืองทาคายามะจากมุมสูง
  • สวนสาธารณะทาคายามะ (Takayama Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีสวนดอกไม้และบึงน้ำที่สวยงาม

อันดับ 2: เกียวโต (Kyoto)

เมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมญี่ปุ่นอันงดงาม มีมรดกโลกมากมาย

  • วัดคิโยมิซุเดระ (Kiyomizu-dera Temple): วัดน้ำใสที่มีระเบียงไม้ขนาดใหญ่ยื่นออกไปจากหน้าผา สามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตได้อย่างสวยงาม
  • ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine): ศาลเจ้าจิ้งจอกที่มีชื่อเสียงจากเสาโทริอิสีแดงนับพันต้นที่เรียงรายกันเป็นอุโมงค์
  • ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Grove): ป่าไผ่ขนาดใหญ่ที่ให้บรรยากาศสงบและร่มรื่น
  • วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple): วัดทองที่มีอาคารหลักปิดทองคำเปลวทั้งหลัง ตั้งอยู่ริมสระน้ำอย่างงดงาม
  • ย่านกิออน (Gion): ย่านเก่าแก่ที่เป็นที่อยู่ของเกอิโกะ (Geiko) และไมโกะ (Maiko)
  • ปราสาทนิโจ (Nijo Castle): ปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ เคยเป็นที่ประทับของโชกุนโทกุกาวะ
  • วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji Temple): วัดเงินที่มีสวนสวยงามและบรรยากาศเงียบสงบ
  • วัดเบียวโดอิน (Byodo-in Temple): วัดที่มีอาคารหลักเป็นรูปนกฟีนิกซ์ ตั้งอยู่ริมสระน้ำที่สวยงาม
  • ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Shrine): ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงจากเทศกาลกิออน (Gion Matsuri) ที่ยิ่งใหญ่
  • ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market): ตลาดที่ขายอาหารและของที่ระลึกมากมาย เป็นที่รู้จักในฐานะ “ครัวของเกียวโต”

อันดับ 1: ฟุกุโอกะ (Fukuoka)

เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะคิวชู บรรยากาศสบาย ๆ และมีทุกอย่างครบครัน

  • ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมังกู (Dazaifu Tenmangu Shrine): ศาลเจ้าชินโตที่สำคัญและเป็นที่รู้จักในฐานะเทพเจ้าแห่งการศึกษาและการสอบ
  • นันโซอิน (Nanzoin Temple): วัดที่มีพระนอนทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
  • คลองข้างถนนยาไต (Yatai Food Stalls): แผงขายอาหารข้างทางที่ตั้งเรียงรายริมคลองนากาซุ (Nakasu River)
  • สวนริมทะเลโมโมอิชิ (Momochi Seaside Park): สวนสาธารณะริมชายหาดที่มีหาดทรายสวยงามและฟุกุโอกะทาวเวอร์ (Fukuoka Tower) ตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์
  • ย่านช้อปปิ้งเท็นจิน (Tenjin Shopping Area): ย่านการค้าขนาดใหญ่ที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และร้านอาหารมากมาย
  • ตลาดปลาคะวะเซะ (Kawase Fish Market): ตลาดปลาสดที่ใหญ่ที่สุดในฟุกุโอกะ มีอาหารทะเลสดใหม่ให้เลือกชิม
  • ปราสาทฟุกุโอกะ (Fukuoka Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ยังคงความสวยงามอยู่
  • สวนสาธารณะโอโฮริ (Ohori Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีบึงน้ำและสวนญี่ปุ่นที่สวยงาม
  • แหล่งน้ำพุร้อนฮากาตะ (Hakata Onsen): แหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง
  • ห้างสรรพสินค้าฮากาตะไดมารุ (Hakata Daimaru): ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ

อันดับพิเศษ: โตเกียว (Tokyo)

เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับวัฒนธรรมเก่าแก่ได้อย่างลงตัว

  • ย่านชิบูย่า (Shibuya): ย่านยอดฮิตที่มีห้าแยกที่คนพลุกพล่านที่สุดในโลก และเป็นแหล่งรวมแฟชั่นและเทรนด์ใหม่ ๆ
  • โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree): หอคอยที่สูงที่สุดในโลก ให้คุณได้ชมวิวเมืองโตเกียวจากมุมสูง
  • วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple): วัดเก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในย่านอาซากุสะ (Asakusa) มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์
  • พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace): ที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น
  • ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Outer Market): ตลาดสดขนาดใหญ่ที่มีร้านอาหารและของทะเลสดใหม่มากมายให้เลือกชิม
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ (Mori Art Museum): พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก Roppongi Hills ให้คุณได้ชมงานศิลปะไปพร้อมกับวิวเมืองโตเกียว
  • ย่านกินซ่า (Ginza): ย่านหรูหราที่มีร้านค้าแบรนด์เนม ร้านอาหารระดับมิชลิน และห้างสรรพสินค้าเก่าแก่
  • สวนอุเอโนะ (Ueno Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีพิพิธภัณฑ์และสวนสัตว์ รวมถึงเป็นจุดชมซากุระยอดนิยม

อันดับพิเศษ: โอซาก้า (Osaka)

เมืองแห่งอาหารที่เต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา มีอาหารอร่อยและแหล่งช้อปปิ้งมากมาย

  • ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle): ปราสาทเก่าแก่ที่สวยงามและสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
  • ย่านโดทงโบริ (Dotonbori): ย่านที่มีป้ายไฟขนาดยักษ์สุดคลาสสิกของกูลิโกะ (Glico Running Man) และเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อย
  • ย่านชินไซบาชิ (Shinsaibashi): ย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโอซาก้า มีร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้ามากมาย
  • หอคอยซึเท็นคาคุ (Tsutenkaku Tower): หอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของย่านชินเซไก (Shinsekai) ให้คุณได้ชมวิวเมืองจากมุมสูง
  • ตลาดคุโรมง (Kuromon Market): ตลาดที่ได้ฉายาว่าเป็น “ครัวของโอซาก้า” มีอาหารทะเลสดใหม่และของกินเล่นมากมายให้เลือกชิม
  • ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ เจแปน (Universal Studios Japan): สวนสนุกชื่อดังที่มีเครื่องเล่นและโซนพิเศษต่าง ๆ เช่น Super Nintendo World และ The Wizarding World of Harry Potter
  • แหล่งน้ำพุร้อนสปาเวิลด์ (Spa World): สวนสนุกน้ำพุร้อนที่มีบ่อแช่ออนเซ็นจากหลากหลายประเทศ
  • ย่านนัมบะ (Namba): ย่านศูนย์กลางการค้าที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และสถานีรถไฟสำคัญ

ทั้งหมดนี้คือเมืองที่คนโหวตว่า “ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ” ลองไปสัมผัสเสน่ห์ของแต่ละเมืองด้วยตัวคุณเองดูนะครับ แล้วอย่าลืมมาบอกเราด้วยนะว่าเมืองไหนของญี่ปุ่นที่คุณชอบที่สุด!

อ้างอิง Go Went Go