ทริปดอกไม้บานที่ฮอกไกโด 5 วัน 4 คืน โรแมนติก

ดอกไม้บานที่ฮอกไกโด: 5 วัน 4 คืน ทริปสุดโรแมนติกกับคนรัก

TravelEatDrinkReview – สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาทริปสุดพิเศษเพื่อเติมความหวานให้กับความรัก วันนี้ผมขอมาแชร์แพลนเที่ยวฮอกไกโดช่วงฤดูดอกไม้บานที่รับรองว่าโรแมนติกจนลืมไม่ลงแน่นอน! ทริป 5 วัน 4 คืนนี้จะพาคุณไปสัมผัสความงามของธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้นับล้าน และสร้างความทรงจำดีๆ ที่แสนอบอุ่นด้วยกัน

เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง: อิสระในการเดินทางคือสิ่งสำคัญ

เพื่อความคล่องตัวและเป็นส่วนตัวตลอดการเดินทาง ทริปนี้เราจะขับรถยนต์ส่วนตัวที่เช่าไว้ ซึ่งจะทำให้คุณแวะพักที่ไหนก็ได้ตามใจต้องการ และมีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ ได้อย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมคือ ใบขับขี่สากล และ ใบขับขี่ไทย เพื่อใช้ประกอบการเช่ารถ ที่สำคัญอย่าลืมเพิ่ม บัตรทางด่วน (Easy Pass) ไปด้วย เพื่อให้การเดินทางราบรื่น ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายค่าทางด่วนบ่อยๆ ครับ


Day 1 & 2: ฟุราโนะ (Furano) & บิเอะ (Biei)

ทุ่งดอกไม้และบ่อน้ำสีฟ้าที่ราวกับความฝัน

เราเริ่มต้นทริปด้วยการขับรถจากสนามบินนิวชิโตเสะตรงไปยังเมือง ฟุราโนะ (Furano) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับบรรยากาศชนบทที่แสนโรแมนติก ท้องฟ้าสีคราม และทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มองไปสุดลูกหูลูกตา

  • ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita): มาถึงฟุราโนะทั้งทีต้องไม่พลาดฟาร์มลาเวนเดอร์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงกลางสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ลาเวนเดอร์บานเต็มที่ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ ชวนให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรัก แนะนำให้ลองชิมไอศกรีมลาเวนเดอร์ ที่มีรสชาติหอมหวานไม่เหมือนใคร
  • สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai-no-oka): จากฟุราโนะ เราขับรถต่อไปยังเมือง บิเอะ (Biei) เพียง 30 นาที ที่นี่คุณจะได้พบกับสวนดอกไม้ที่สวยงามอลังการที่สุด! ทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตาเรียงรายกันบนเนินเขาเป็นริ้วสีรุ้งราวกับภาพวาด แนะนำให้เช่ารถกอล์ฟ ขับชมสวนเพื่อความสะดวกสบาย และอย่าลืมลองชิม ข้าวโพดฮอกไกโด ที่หวานกรอบอร่อยจนน่าตกใจ
  • บ่อน้ำสีฟ้า (Blue Pond – Aoiike): ใกล้ๆ กันคือบ่อน้ำสีฟ้าซึ่งมีน้ำในบ่อสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สวยงามตามธรรมชาติ บรรยากาศเงียบสงบและมีมนต์ขลัง แนะนำให้มาในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็น เพราะคนจะน้อยกว่าช่วงกลางวันและแสงจะสวยเหมาะกับการถ่ายรูปมากๆ


Day 3: โอตารุ (Otaru)

เวนิสแห่งฮอกไกโดที่อบอวลไปด้วยมนต์เสน่ห์

หลังจากเต็มอิ่มกับธรรมชาติแล้ว เราขับรถจากฟุราโนะมุ่งหน้าสู่ โอตารุ (Otaru) ซึ่งห่างจากซัปโปโรประมาณ 1 ชั่วโมง ที่นี่เป็นเมืองท่าเก่าแก่ริมคลองที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกผสมผสานกับสถาปัตยกรรมญี่ปุ่น ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในเมืองแถบยุโรป

สถานที่ห้ามพลาดในโอตารุคือ ถนนคนเดินซาคาอิมาจิ (Sakaimachi Street) ที่เต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ทั้งร้านขนมชื่อดังอย่าง LeTAO ร้านขายเครื่องแก้ว และที่สำคัญคือ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Music Box Museum) ที่มีกล่องดนตรีกว่าหมื่นชิ้น! และที่ขาดไม่ได้คือ คลองโอตารุ ที่จะยิ่งสวยงามและโรแมนติกขึ้นไปอีกในช่วงเย็นย่ำ แนะนำให้ลองเดินเล่นริมคลองในช่วงเย็นๆ เพื่อชมอาคารโกดังเก่าที่เปิดไฟส่องสว่าง และอย่าลืมแวะชม นาฬิกาไอน้ำโอตารุ (Otaru Steam Clock) ซึ่งจะส่งเสียงและพ่นไอน้ำทุกๆ 15 นาที!


Day 4 & 5: ซัปโปโร (Sapporo)

ช้อปปิ้ง อัปเดตพิกัดร้านอร่อย และสถานที่ Unseen

ช่วงสุดท้ายของทริปเราเข้าสู่เมืองหลวงของฮอกไกโดอย่าง ซัปโปโร (Sapporo) ที่นี่คือศูนย์กลางของความทันสมัยและแหล่งรวมของอร่อย!

พิกัดกินที่ห้ามพลาดในซัปโปโร:
  • ร้านทงคัตสึ Takafuji: ร้านหมูทอดในตำนานที่ผมยกให้เป็นร้านหมูทอดที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น
  • ร้าน Teppachi: ร้านยากินิคุและเทปันยากิที่เหมาะสำหรับคู่รัก เพราะมีทั้งเนื้อวากิว, หมู, ไก่, ซีฟู้ด และที่เด็ดสุดคือมอนจายากิ
  • ร้าน Kita-Karo: ร้านขนมชื่อดังที่ของหวานทุกอย่างอร่อยมาก โดยเฉพาะชูครีมและเค้กขอนไม้
  • ร้าน Udon Homemade Oniwazoto-Fukuwachi: ร้านอุด้งโฮมเมดที่อยู่ตรงข้ามศาลเจ้าฟูชิอินาริ ที่นี่มีอุด้งแกงกะหรี่รสชาติเข้มข้นจัดจ้าน และเส้นอุด้งที่เหนียวนุ่มสุดๆ
สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมในซัปโปโร:
  • แลนด์มาร์กสำคัญใจกลางเมือง: หอนาฬิกาฮอกไกโด (Sapporo Clock Tower), ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ (Sapporo TV Tower) และสวนสาธารณะโอโดริ (Odori Park) ที่สวยงามตลอดทั้งปี รวมถึงทางเดินใต้ดินที่เชื่อมต่อกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทำให้คุณสามารถช้อปปิ้งได้อย่างสบายๆ
  • สถานที่ Unseen: The Hill of the Buddha เป็นพิกัดลับที่ไม่ควรพลาด ตั้งอยู่นอกตัวเมืองซัปโปโรประมาณ 45 นาที ที่นี่คุณจะได้พบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่บนเนินเขาล้อมรอบด้วยทุ่งดอกลาเวนเดอร์และรูปปั้นโมอาย ที่นี่เปิดให้เข้าชมถึงเวลา 16:00 น. เท่านั้น


สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาดในซัปโปโร

นอกจากแลนด์มาร์กสำคัญใจกลางเมืองแล้ว ซัปโปโรยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายที่รอให้คุณไปสำรวจ ลองมาดูสถานที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจกันครับ

  1. สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทัศนียภาพที่สวยงาม
    • ภูเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa): ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปชมวิวเมืองซัปโปโรแบบพาโนรามาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่แสงไฟจากเมืองส่องประกายระยิบระยับจนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวยามค่ำคืนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น
    • สวนโมเอเรนุมะ (Moerenuma Park): สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดยศิลปินและประติมากรชื่อดัง Isamu Noguchi มีลักษณะเป็นเนินเขาและประติมากรรมที่ผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว
    • สวนดอกไม้ฮอร์โรมิโทเกะ (Horomitoge Lavender Garden): สวนลาเวนเดอร์ที่งดงามไม่แพ้ฟาร์มโทมิตะที่ฟูราโนะ แต่ที่นี่อยู่ใกล้ตัวเมืองซัปโปโรมากกว่า โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมดอกลาเวนเดอร์คือเดือนกรกฎาคม
    • โจซังเค ออนเซ็น (Jozankei Onsen): แหล่งออนเซ็นชื่อดังที่ล้อมรอบด้วยหุบเขาและธรรมชาติที่สวยงาม สามารถเดินทางไปแบบเดย์ทริปเพื่อแช่น้ำร้อนผ่อนคลายได้
  2. สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
    • พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum): พิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของเบียร์ซัปโปโร สามารถเข้าร่วมทัวร์พร้อมชิมเบียร์และทานอาหารที่ Sapporo Beer Garden ได้
    • ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine): ศาลเจ้าชินโตอันศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในบริเวณสวนมารุยามะ (Maruyama Park) เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยบรรยากาศอันร่มรื่น
    • หมู่บ้านประวัติศาสตร์ฮอกไกโด (Historical Village of Hokkaido): พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวบรวมอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และโรงเรียนจากยุคเมจิและไทโชไว้ให้ได้สัมผัสบรรยากาศในอดีต
  3. สถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนและกิจกรรมอื่นๆ
    • ย่านซูซูกิโนะ (Susukino): ย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และแหล่งช้อปปิ้งที่เปิดให้บริการจนดึก
    • ทานุกิโคจิ (Tanukikoji Shopping Street): ถนนช้อปปิ้งที่มีหลังคาคลุมยาวกว่า 1 กิโลเมตร มีร้านค้ากว่า 200 ร้านให้เลือกซื้อของฝากและรับประทานอาหาร
    • โรงงานช็อกโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park): สวนสนุกที่เหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย เป็นทั้งโรงงานผลิตขนม ร้านค้า และพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลต

นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ซัปโปโรโคคุไซสกีรีสอร์ท (Sapporo Kokusai Ski Resort) และ สวนสัตว์มารุยามะ (Maruyama Zoo) ซึ่งมีหมีขั้วโลกเป็นไฮไลท์สำคัญอีกด้วย

ลุยทุ่งลาเวนเดอร์ 3สวน ฟุระโนะ-บิเอะ แบบคัดแล้วเน้นๆ ไปเองด้วยรถไฟง่ายๆ #Furano #Biei #Hokkaido

ใครไปฮอกไกโด ฤดูร้อนแบบนี้ คนที่รักดอกไม้หลากสี โดยเฉพาะคนที่รักดอกลาเวนเดอร์จะต้องฟิน!!! วันนี้ผมได้รวบรวม 3 สวน ที่สามารถไปเดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ โดยเดินทางด้วยรถไฟจากเมืองซับโปโร แบบง่ายมากๆ และ 3 สวนนี้ ถือว่าไปแล้ว ครบ คุ้ม เน้น จริงๆ

1. Tomita Farm
ฟาร์มลาเวนเดอร์ที่ใครๆ ต้องรู้จัก กันดาวเด่นแห่งฟูราโนะ “ฟาร์มโทมิตะ” โดดเด่นกับทุ่ง 7 สี “อิโรโดริ” 
2. Shikisai no Oka
ฟาร์มชิกิไซ โนะ โอกะ มาพร้อมด้วยดอกไม้กว่า 30 ชนิด ปลูกสลับกับไป
3. Nakafurano Lavender EN 
ลานสกีฟุราโนะ ถูกเปลี่ยนไปเแปลงดอกลาเวนดอร์ เปลี่ยนเนินเขาโฮคุเซให้กลายเป็นสีม่วงสวย ขึ้นลิฟท์ไปด้านบนสุดเพื่อชมวิวสวบสุดฟิน

Tomita Farm

ฟาร์มลาเวนเดอร์ที่ถือว่าเป็นพระเอกของฟูราโนะ “ฟาร์มโทมิตะ” โดดเด่นกับทุ่ง 7 สี “อิโรโดริ” นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้ได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมลาเวนเดอร์ด้วย อาทิ สาธิตการทำน้ำมันหอมระเหย กิจกรรมเวิร์คช็อปต่างๆ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และ ห้ามพลาดกับไอศกรีมลาเวนเดอร์แสนอร่อยของที่นี่ พร้อมชิมเมล่อนหอมหวาน กินไปชมดอกไม้ไป ไม่มีอะไรที่แฮปปี้กว่านี้อีกแล้ว!!

การเดินทาง
ด้วยรถไฟสายพิเศษ ฟุระโนะ บิเอ โนรกโกะ (Furano Biei Norokko Train) จากสถานี Sapporo โดยสารรถไฟ LTD. EXP LILAC ไปลงที่สถานี Asahikawa ใช้เวลา 85 นาที แล้วค่อยต่อรถไฟ Furano Biei Norokko Train ที่นั่น เพื่อมาลงหน้าฟาร์ม Tomita เลย
หรือจะนั่งยาวๆมาจาก Sapporo โดยนั่ง JR ลง Naka-furano เดินต่อ 25 นาที

ที่อยู่ : Kisen Kita 15-go, Nakafurano-cho, Sorachi-gun
โทร : +81-167-39-3939
Web : http://www.farm-tomita.co.jp/en/

Nakafurano Lavender EN

ลานสกีฟุราโนะในฤดูหนาวที่หิมะปกคลุม หลังจากหิมะละลายที่เนินเขานี้จะถูกเปลี่ยนไปแปลงดอกลาเวนดอร์ กลายเป็นสีม่วงสโลปจากบนถด้านล่าง ที่นี่อยู่ใกล้กับสถานี JR Naka-Furano ใครไปที่ Tomita Farm มาแล้ว ก่อนจะขึ้นรถไฟกลับ ก็แวะมาฟินต่อได้อีกหนึ่งที่ แต่ที่นี่จะสวยต่างจากที่นั่นเพราะวิวมุมสูง ให้ขึ้นกระเช้านั่งห้อยขาขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อชมความงามของเมืองอย่างสุดลูกหูลูกตา วันไหนที่อากาศดีสามารถเห็นไปถึงเทือกเขาโทคาจิดาเกะได้

การเดินทาง
โดยรถไฟง่ายมากกก จากสถานร JR Nakafurano เดินผ่านเมืองที่เงียบสงบ เพียง 10 นาทีเท่านั้น

ที่อยู่ : Nakafurano, Miyamachi 1-41
โทร : +81-167-44-2123

Shikisai no Oka

ที่สุดของฟาร์มดอกไม้ของเมืองบิเอ Biei กับฟาร์มชิกิไซ โนะ โอกะ มาพร้อมด้วยดอกไม้กว่า 30 ชนิด ปลูกสลับกับไปยาวนานถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใกล้ๆยังมีฟาร์มอัลปาก้าน่ารักๆให้ถ่ายรูป ด้านหน้ามีแลนด์มาร์กซึ่งนำม้วนฟางมาทำเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ ที่นี่แนะนำให้ชิมซอฟท์ครีมลาเวเดอร์ ที่ก่อนจะกินก็สามารถถ่ายรูปลง IG สวยๆก่อนก็ได้ แต่ขอเตือนว่าลมแรงทำให้ละลายเร็มมากๆ 55+ การชมสวนดอกไม้นั้น ใครแรงดีก็เดินชมตามเนินเขา สู่ อีกเนินเขาได้ ส่วนใครอยากชิลล์ ก็สามารถนั่งรถพ่วงอีแต๋นไปลงตามจุดต่างๆก็ได้ ในอาคารที่พักนั้น มีร้านอาหาร มุมขายผัก และของฝากมากมายจากเมืองบิเอให้เราได้เลือกซื้อเลือกชมกัน

การเดินทาง
ด้วยรถไฟ 15 นาที เดินทางมาลงสถานี Bibaushi แล้วต่อ Taxi ประมาณ 1200¥
ส่วนผมเดินไป ชมทุ่งหญา ทุ่งข้าวบาเลย์ไป ประมาณ 2 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที อากาศไม่ร้อน เดินชิลล์ๆ

ที่อยู่ : Biei, Shinsei dai 3
โทร : +81-166-95-2758
Web : http://www.shikisainooka.jp/english/index.html