ในชีวิตของผมตั้งแต่เกิดจนโตขึ้นประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในประเทศที่รู้สึกคุ้นเคย เพราะภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแทบจะทุกเรื่องใช้ นิวยอร์ก เป็นเมืองที่ดำเนินเรื่อง และผมเองนั้นก็เป็นคนรักการดูหนังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรียกได้ว่า ตั้งแต่จำความได้ก็เข้าโรงภาพยนตร์ดูหนังสัปดาห์ละ 2 เรื่องเป็นอย่างต่ำ ทำให้ภาพ สหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะบ้านเมือง นิวยอร์ก (New York : NYC) นั้น มาแล่นอยู่ในหัวโดยไม่รู้ตัว จนทำให้เมืองนี้คือเมืองในฝันที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง
คลิกอ่าน เที่ยว Washington D.C. / New York / Boston ง่ายๆ เช็คอินสุดฟิน ทริปในฝัน [ Day4 ]
คลิกอ่าน เที่ยว Boston / New York / Washington D.C. ง่ายๆ เช็คอินสุดฟิน ทริปในฝัน [ Day2 ]
คลิกอ่าน เที่ยว New York / Boston / Washington D.C. ง่ายๆ เช็คอินสุดฟิน ทริปในฝัน [ Day1 ]
เมื่อสบโอกาสได้เจอตั๋วไปนิวยอร์กในราคาที่ถูกเวอร์ ถูกจนต้องตัดสินใจซื้อแบบไม่ลังเล ทำให้ทริปนิวยอร์ก และ เมืองรอบๆจึงเกิดขึ้น แบบทันทีทันใด โดยที่ตอนนั้นยังไม่มีวีซ่าเลย
หลังจากตัดสินใจซื้อตั๋ว จึงได้เริ่มวางแผนการเที่ยว และเตรียมตัวไปขอวีซ่าอเมริกา ซึ่งตอนแรกก็หวั่นๆว่าจะขอผ่านไหม แต่เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้วจึงกรอกข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ไปจ่ายเงินค่าวีซ่าที่ธนาคาร แล้วจึงนัดหมายเข้าไปสัมภาษณ์ที่สถานฑูตสหรัฐอเมริกา วันที่ไปสัมภาษณ์ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่ก็เตรียมเอกสารที่คาดว่าเจ้าหน้าที่จะขอดูไปจนครบถ้วน แต่เมื่อถึงเวลาสัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกัน ก็ถามเพียงไม่กี่คำถามเท่านั้น เช่น ไปเที่ยวเหรอ เมืองไหนบ้าง ไปกับใคร ตอนนี้ทำอาชีพอะไร แค่นั้น!!! แค่นั้นจริงๆครับ หลังสัมภาษณ์จบเขาก็เก็บพาสปอร์ตไป เป็นอันเข้าใจว่าวีซ่าผ่านแล้วชัวร์ แต่จะได้นานเท่าไหร่ก็มาลุ้นกันวันที่ได้พาสปอร์ตคืน ผลคือได้มา 10 ปี ดีใจสุดๆไปเลยครับ ^^
ตัดภาพมาวันเดินทางเลยนะครับ ตั๋วเครื่องบินที่ผมซื้อมาเป็นตั๋วโปรราคาน่าคบ ของ Qatar Airways ดังนั้น จึงบินอ้อมนิดหน่อย โดยต้องไปขึ้นเครื่องที่นครโฮจิมินห์ แล้วบินไปเปลี่ยนเครื่องที่ โดฮา การ์ต้า แล้วจึงค่อยบินยาวๆไป นิวยอร์ก แต่เวลานั้นดีมากๆ ไปถึงเช้า แล้วก็เที่ยวได้เลย
วันแรกที่บินไปถึงสนามบิน JFK New York ผมให้คนไทยที่พี่รุ้ง พี่ที่ไปด้วยรู้จัก มารับที่สนามบิน ที่พักของเราอยู่ในย่านที่คนไทย และ คนเม็กซิโก พักอาศัย ในฝั่งควีนส์ ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินมากนัก นั่งแป๊บเดียวก็มาถึง เมื่อเอากระเป๋าเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ถึงเวลาตะลุยนิวยอร์ก เมืองในฝันกันแล้ว
วันแรก จะไปชมสถานี Grand Central Terminal และ แถวๆนั้น แบบเบาๆ ก่อน ซึ่งสถานีรถไฟที่ใช้เดินทาง อยู่ปากซอยของที่พัก เดินไม่ไกล และสามารถทะลุถึงย่าน CBD ของ New York ได้เลย โดยผมได้ซื้อตั๋ว MTA Metro Card 7วัน ($32 + ค่าบัตร $1) เพราะถ้าหลงก็จะได้ไม่เสียดายเงิน แถมยังสะดวกดี เริ่มต้นจากสถานี 82 Street Station ในฝั่ง Queens นั่งสาย 7 ต่อเดียวข้ามมาฝั่ง Manhattan ไปลงสถานี Grand Central Terminal ใช้เวลาประมาณ 23 นาที
Grand Central Terminal เป็นสถานีรถไฟที่มักจะเจอในฉากของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดหลายเรื่องจนชินตา และเป็นฉากในซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Gossip Girl อีกด้วย เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีถึง 44 ชานชาลา และ 67 เส้นทาง ขนส่งผู้โดยสารหลายแสนคนต่อวัน ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือสถาปัตยกรรมแบบโบซาร์ที่สวยงามวิจิตรตระการตามากๆ พื้นในสถานีปูด้วยหินอ่อนและบนเพดานก็วาดลวดลายหมู่ดาวนักษัตร จุดเด่นอีกอย่างของสถานีก็คือนาฬิกาสี่ด้านที่หน้าปัดทำจากโอปอล มูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญดอลล่าร์ และที่นี่ยังมี Apple Store ที่สาวกแอปเปิ้ลต้องไม่พลาดมาเช็กอินเด็ดขาด มาถึงที่นี่ก็เริ่มหิวแล้ว เลยไปฝากท้องไว้กับร้าน Shake Shack ซึ่งตั้งอยู่โซน Lower Level Dining Concourse ถ่ายรูปเช็คอิน แล้วก็ทานจนอิ่มก็ได้เวลาไปจุดหมายต่อไป
สถานที่ถัดไปขอบอกว่าสวยมากๆ นั่นคือ The New York Public Library ตั้งอยู่บนถนน 5 th Avenue เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบกรีก–โรมัน ที่เรียกว่า Beaux Arts (โบซาร์ ) มาใช้ในการออกแบบออกแบบ จากถนน 5th Avenue เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า ผมไม่พลาดที่จะถ่ายรูปกับรูปสลักสิงโต ที่มีตัวอาคาร The New York Public Library เป็นฉากหลัง หลังจากนั้นจึงเข้ามาในอาคารจะเจอกับ Astro Hall โถงต้อนรับขนาดใหญ่ สูง โปร่ง กรุผิวด้วยหินอ่อนสีขาว มีลวดลายสวยงามมากๆ เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับห้องต่างๆที่มีประชาชนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ต้องเดินชมแบบเงียบที่สุด ในแต่ละห้องนอกจากจะใช้เฟอร์นิจอร์ไม้สุดคลาสสิคแล้ว ยังประดับลวดลายแกะสลักละเอียดละออ มี Chandelier และโคมไฟตั้งโต๊ะ เพิ่มความหรูหราน่านั่งเข้าไปอีก เดินมาถึงชั้น3 จะเจอกับ Rose Main Reading Room ห้องนี้เป็นห้องอ่านหนังสือที่ใหญ่และโอ่โถงที่สุด
เราจะไปเดินชม 2 ประเทศในไม่กี่ชั่วโมง นั่นคือย่านอาศัยของคนจีน อย่าง China Town และ ย่านชาวอิตาเลียน ที่ Little Italy 2 ย่านนี้อยู่ชิดติดกัน สำหรับย่าน China Town เมื่อมาถึงจะต้องสะดุดตากับ อาคารตรงหัวมุมถนนที่ประดับลายจีนบ่งบอกว่าเราได้มาถึงแล้ว โดยที่ชั้นล่างจะเป็นร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbucks ตั้งอยู่ เราเดินชมสักพักก็หลุดมาอีกย่านคือ Little Italy ที่นี่พี่รุ้งนัดเจอกับเพื่อนๆ เพื่อที่จะไปทานข้าวด้วยกัน ผมเลยถือโอกาสเดินเล่นถ่ายภาพเรื่อยๆจนหลุดไปถึงย่านช้อปปิ้งสุดดังอย่าง SoHo
ย่าน Soho เป็นย่านช้อปปิ้งระดับไฮเอ็นด์ ที่มีร้านหรูๆตั้งอยู่ริมถนนให้ได้ช้อปปิ้งกันแบบสุดเพลิน ใครจะเดินชมอย่างเดียวก็ไม่ว่ากัน ที่นี่เป็นแหล่งรวม Gallery และแบรนด์ชั้นนำไว้ด้วยกัน ใครสายช็อปบอกเลยห้ามพลาด ที่สำคัญ บรรยากาศตึกและถนนที่มีเอกลักษณ์ เลยกลายเป็นอีกจุดที่ ขาโซเชียลต้องมาถ่ายภาพเก๋ๆ Check-in โดย เดิน แชะ เช็คอินตามตรอกซอกซอย ไล่เก็บภาพกันไป เพลินสุดๆ จริงๆ
เมื่อถึงเวลานัดกับพี่รุ้ง ผมจึงเดินย้อนกลับไปย่าน Little Italy อีกครั้ง เพื่อไปรับพี่รุ้งมาเดินชิลล์ที่ย่าน Soho อีกรอบ ก่อนที่จะกลับที่พัก เป็นการจบทริปวันแรก แบบเบาๆ ก่อนที่จะไปตะลุยเมืองบอสตันกันต่อในวันพรุ่งนี้
คลิกอ่าน เที่ยว Boston / New York / Washington D.C. ง่ายๆ เช็คอินสุดฟิน ทริปในฝัน [ Day2 ]